จากกรณีกระทรวงกลาโหมสั่งการให้เหล่าทัพจัดส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปควบคุมแคมป์คนงานทั้งหมดโดยเฉพาะพื้นที่กทม.และปริมณฑลตามนโยบายของรัฐบาลสกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยใช้กำลังของสารวัตรทหาร(สห.)โดยแคมป์แรงงานอยู่ในพื้นที่เหล่าทัพใดเหล่าทัพนั้นความรับผิดชอบกองทัพไทยกองพันสารวัตรทหารกองบัญชาการกองทัพไทยดูแลเขตหลักสี่, กองทัพบกใช้กำลังมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพเหนือใน3 เขตประกอบด้วยจตุจักร, บางซื่อ, ลาดพร้าว ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าแต่ละเหล่าทัพได้เน้นย้ำให้กำลังพลที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่เข้มงวดมาตรการป้องกันตัวเองตามแผนพิทักษ์กำลังพลป้องกันไม่ให้กำลังพลเหล่านี้กลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่เนื่องจากกำลังพลที่ออกไปปฏิบัติงานยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับวัคซีนเหล่าทัพได้รับจัดสรรมาก่อนหน้านี้นำไปฉีดให้กับกำลังพลปฏิบัติงานพื้นที่เสี่ยงเช่นชายแดน ส่วนวัคซีนอีกลอตกันไว้ให้กับทหารกองประจำการผลัด1/2564ที่จะเข้ามารายงานตัวในหน่วยฝึกทหารใหม่ระหว่าง1-3ก.ค.นี้อย่างไรก็ตามกำลังพลทั้งหมดที่ออกไปปฏิบัติงานดูแลแคมป์แรงงานต่างๆจะมีการสวอบ ทุกวันและเมื่อปฏิบัติหน้าที่เสร็จต้องกักตัวเองเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนโยบายศบค.ให้ส่งตำรวจและสารวัตรทหาร (สห.)ไปดูแลแคมป์คนงานแพร่ระบาดโควิด-19ในกรุงเทพฯตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้นปรากฏว่า พบสารวัตรทหารติดโควิดแล้วจำนวน 8 นายเนื่องจากยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลควบคุมแคมป์คนงานที่พบการติดเชื้อจึงมีมาตรการป้องกันตัวเองแค่เพียงสวมแมสก์ ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์เท่านั้น ทั้งนี้กำลังพลมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว จากการลงทะเบียนด้วยตนเองในขณะที่ทางหน่วยต้นสังกัดยังไม่ได้รับจัดสรรวัคซีนมาให้กำลังพลที่ทำหน้าที่เสี่ยง และขณะนี้หน่วยที่มีสารวัตรติดเชื้อโควิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีกำลังพลที่จะติดเชื้อเพิ่มเติมหรือไม่อีกหลายร้อยนาย ล่าสุดจากคำสั่งศบค.และศปม.ให้ทุกเหล่าทัพส่งสารวัตรทหารที่ประจำตามหน่วยทหารราบทหารม้าและทหารปืนใหญ่ กรมและกองพันไปปิดแคมป์คนงานตั้งแต่วันที่26มิ.ย.เป็นเวลา1เดือนหลังพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมประกาศมาตรการคุมเข้มเมื่อวันที่25มิ.ย.ที่ผ่านมาแต่พบว่ากำลังพลจำนวนไม่น้อยยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเช่นกัน.