“เฉลิมชัย” จับมือจุฬาฯ ขับเคลื่อนเทคโนโลยีเกษตร 4.0 เดินหน้า ”ผลิตวัคซีนลัมปี สกินจากพืช" เป็นโครงการเร่งด่วนตามด้วยซิลิคอนวัลเลย์เกษตรไฮเทคเมืองนวัตกรรมแก่งคอย ตั้งเป้าสร้างรายได้ 2,500 ล้าน
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ประชุมหารือร่วมกับศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ณ ห้องประชุม 202 ชั้น 2 อาคารจามจุรี 4 สำนักงานอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรรมระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในโครงการแรกคือ การผลิตวัคซีนสัตว์ด้วยเทคโนโลยีโปรตีนพืช (Plant based Protein) เริ่มจากวัคซีนลัมปี สกิน ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ในไทยที่แพร่ระบาดในโค-กระบือหลายสิบจังหวัดและต้องนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์โดยกรมปศุสัตว์และบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมดำเนินการทันทีโดยวางเป้าการผลิตเพื่อใข้ในประเทศทดแทนการนำเข้าและขยายสู่การส่งออก นับเป็นประเทศแรกๆของโลกที่ใช้เทคโนโลยีโปรตีนพืชผลิตวัคซีนสัตว์โดยทีมนักวิจัยของไทย
“วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งที่สำคัญต่อการพลิกโฉมหน้าภาคเกษตรกรรมของไทยเมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตกลงจับมือร่วมทำงานกับกระทรวงเกษตรฯ เพราะการพัฒนาภาคเกษตรในยุคปัจจุบันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำต้องใช้วิทยาการและเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญ นอกจากนี้ จะมีโครงการความร่วมมืออื่นๆ ที่สำคัญ เช่นโครงการพัฒนาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ,โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตร,โครงการพัฒนาฮาลาล,โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง โครงการการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart farmer ) เป็นต้น รวมทั้งการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ขอฝากไว้เป็นพิเศษโดยมอบหมายให้ที่ปรึกษาอลงกรณ์ พลบุตร ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร AIC เป็นผู้ประสานงานกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งนี้ จะมีการทำเอ็มโอยู ภายในสัปดาห์หน้า"
ด้านศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยินดี และพร้อมร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเต็มที่ในการต่อยอดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมโดยทันทีโดยเฉพาะการพัฒนาวัคซีนสัตว์จากพืขเป็นโครงการนำร่องโครงการแรกรวมทั้งเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ ใช้พื้นที่ของสยามสแควร์อินโนเวชั่นดิสตริคท์ (Siamsquare Innovation District) ในการนำเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมมาเปิดแสดงและสาธิตต่อยอดการลงทุนนวัตกรรมใหม่ๆ ของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) ทั่วประเทศรวมทั้งการดำเนินโครงการแก่งคอยอินโนเวชั่นดิสตริคท์ (Kaengkoi Innovation District (KID) โครงการเกษตรอัจฉริยะ( Smart Farming), โครงการสมาร์ท โอท็อป (Smart OTOP), โครงการดิจิตอลไอทีวัลเลย์ (Digital IT Valley),
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า โครงการความร่วมมือที่จะตามมาโดยเร็วคือ โครงการพัฒนาแก่งคอยอินโนเวชั่นดิสตริคท์หรือเมืองนวัตกรรมแก่งคอยในพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จะร่วมกันพัฒนาคล้ายกับซิลิคอนวัลเลย์ (Silicon Valley) ในสหรัฐอเมริกาที่ริเริ่มดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีสตาร์ทอัพกว่า 200 บริษัท ที่พร้อมต่อยอดการลงทุนสตาร์ทอัพกลุ่มเทคโนโลยีเกษตรและอาหาร (Foodtech และ Agritech Start-Up) โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นจะสร้างคนสร้างงานสร้างรายได้กว่า 2,500 ล้านบาท
สำหรับคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ.ประกอบด้วย
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองปลัดกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวง เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร อธิบดีกรมปศุสัตว์ รองอธิบดีกรมประมง รองอธิบดีกรมวิชาการ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเป็นต้นส่วนคณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประกอบด้วย รองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี คณบดี และทีมนักวิจัยอีกหลายคน