จากกรณีข่าวผู้ประกอบการที่กระทำเข้าข่ายผิดเกณฑ์ในโครงการเราชนะปรากฎอยู่บนโซเชียลมีเดีย
กระทรวงการคลัง ได้ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการเราชนะ (โครงการฯ) เพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของประชาชนและผู้ประกอบการที่สุจริต โดยได้ตรวจพบธุรกรรมที่เข้าข่ายการกระทำฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ของโครงการฯ และได้ระงับสิทธิ์ชั่วคราวการเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยผู้ประกอบการที่ระงับสิทธิชั่วคราวเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 และวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 รวม 2,751 ราย โดยได้พิจารณาตรวจสอบธุรกรรมแล้วจำนวน 2,739 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยยังไม่ได้จัดส่งเอกสารแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ประกอบการดังกล่าว สำหรับผู้ประกอบการที่ระงับสิทธิชั่วคราวเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 จำนวน 120 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตรวจสอบ
ข้อเท็จจริงที่ผู้ประกอบการชี้แจงโต้แย้งมา
สำหรับกรณีข่าวของผู้ประกอบการที่ปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดียในขณะนี้ และได้ยกหยิบยกภาพถ่ายเอกสารในการเรียกเงินของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังมาเป็นตัวอย่างนั้น ขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ประกอบการรับแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ โดย โครงการฯได้รับการแจ้งเบาะแสและหลักฐาน ซึ่งเมื่อตรวจสอบธุรกรรมการรับชำระเงินแล้วพบว่ามีความผิดปกติสอดคล้องตามหลักฐานและเบาะแสที่ได้รับแจ้ง จึงได้ระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการและเรียกชำระเงินคืนจากโครงการฯ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับดังกล่าว เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง
กระทรวงการคลังได้เข้มงวดในการติดตามตรวจสอบประชาชนและผู้ประกอบการที่กระทำเข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการอย่างใกล้ชิด และได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของกระทรวงการคลังปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของแต่ละโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เสียสิทธิการเข้าร่วมโครงการหรือมาตรการอื่นของรัฐในอนาคต และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย