ตำรวจนครพนม ร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง เผาอีกกกัญชาของกลางสิ้นสุด คดี รวมเกือบ 2 ตัน มูลค่าเกือบ 40 ล้านบาท รอง ผวจ.เผยเป็นกัญชาไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ต้องทำลายทิ้ง สั่งเข้มตามแนวชายแดน สร้างความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแส นับวันยิ่งทะลัก จับแทบรายวัน
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2564 ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิทธิโชติ ผู้กำกับสืบสวนนครพนม นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอธาตุพนม พ.ต.ท.ภัคพล คุ้มวงศ์ ผบ.ร้อย ตชด.235 อ.ธาตุพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธีเผาทำลายของกลางกัญชา รวมจำนวน 1,918 กิโลกรัม น้ำหนักแท่ง ละประมาณ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 1,918 แท่ง คิดมูลค่าเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท เนื่องจากมีราคาซื้อขายในพื้นที่ตอนในของไทย ประมาณกิโลกรัมละ 15,000 – 20,000 บาท ซึ่งเป็นกัญชาที่ได้จากกการจับกุมตรวจยึด ในห้วงปีงบประมาณ 2563 ถึงปัจจุบัน และเป็นของกลางที่ดำเนินคดีสิ้นสุด แต่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ เนื่องจากมีสารปนเปื้อน รวมถึง เป็นของกลางที่มาจากกการกระทำผิด จึงต้องดำเนินคดี และเผาทำลาย โดยในห้วงปีงบประมาณ 2563 พื้นที่ชายแดน จ.นครพนม มีการตรวจยึดกัญชามากกถึง 8 ตัน เผาทำลายไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 จำนวน 4 ตัน และเผาเป็นครั้งที่ 2 จำนวน 1.9 ตัน รวมเหลือกัญชาระหว่างดำเนินคดีอีก ประมาณกว่า 2 ตัน นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดยาบ้าได้มากกว่า 14 ล้านเม็ด
นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ยอมรับว่า พื้นที่ชายแดน จ.นครพนม มีการตรวจยึดยาเสพติดจำนวนมาก และมีการจับกุมตรวจยึดแทบรายวัน ส่วนกัญชาของกลางที่นำมาเผา เป็นเพียงกัญชาบางส่วนที่ดำเนินคดีสิ้นสุดตามกระบวนการกฎหมาย จึงต้องเผาทำลาย รวมในสัปดาห์นี้เผาทำลายไปเกือบ 6 ตัน ซึ่งเป็นกัญชาที่ไม่สามารถจะไปไปใช้ในการวิจัยทางการแพทย์ได้ เพราะเป็นของกลางที่มาจากกกการกระทำความผิด รวมถึงมีสารปนเปื้อนสูง อย่างไรก็ตามทางนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เน้นย้ำกำชับหน่วยงานความมั่นคง ให้เพิ่มมาตรการเข้ม ดุแลสกัดกั้นปราบรามจับกุมตามแนวชายแดน ต่อเนื่อง นอกจากนี้สิ่งสำคัญได้ประสานความร่วมมือสร้างความเข้มแข้งให้ชุมชน มีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส ติดตามตรวจสอบ พฤติกรรมของขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ชายแดน รวมถึงมีการตรวจสอบจับกุมทั้งผู้เสพผู้ค้า และนายทุน เพื่อตัดวงจรให้มากที่สุด