นายสรศักดิ์ จารุพานิช อยู่บ้านเลขที่ 41/14 ถนนกาญจนวนิชย์ อ.สะเดา จ.สงขลา เจ้าของสถานีบริการน้ำมันเชลล์ พร้อมนายพงษ์ธร ผ่องผุด ทนายความ นำเอาการ อาทิ หนังสือขออนุมัติผู้ป่วยไตวาย ใบเสร็จรับเงินของ รพ.เอกชนดัง หาดใหญ่ สำเนาการแจ้งความ สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว โดยแจ้งว่า นายสมเกียรติ จารุพานิช ผู้เป็นบิดา อายุ 90 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคไตวาย และเป็นคนไข้ของ รพ.กรุงเทพ หาดใหญ่กว่า 10 ปี และป่วยเป็นโรคไตวาย กว่า 3 ปี ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพ หาดใหญ่ ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ค่าใช้จ่ายครั้งละ 3,400 บาท
ต่อมา เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 64 น.ส.กนกอร โกมลสิทธิ์เวช หัวหน้าห้องไต รพ.เอชน ซึ่งเป็นพนักงานดีเด่นของ รพ. และดูแลบิดาของตนอย่างดีกว่า 3 ปี ได้แจ้งว่า รพ.ได้ขออนุมัติสิทธิผู้ป่วยจาก สปสช. สามารถมีส่วนลดค่าใช้จ่ายได้ 1,700 บาทต่อครั้ง แต่ให้ผู้ป่วยโอนเงิน 800,000 บาทเพื่อมัดจำสิทธิ์ ซึ่งตนเห็นว่า รพ.กรุงเทพ หาดใหญ่ เป็น รพ.ที่น่าเชื่อถือ และ น.ส.กนกอร ก็เป็นพนักงานดีเด่นของ รพ. และดูแลบิดาเป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าโครงการอนุมัติสิทธิ์ผู้ป่วยไตวายที่ร่วมกับ สปสช. เป็นเรื่องจริง และเห็นว่าบิดาต้องเข้ารักการฟอกไตอีกนานคุ้มค่ากับเงิน 800,000 บาท ที่ใช้เป็นเงินมัดจำ และ น.ส.กนกอร ยังมีเอกสารยืนยันว่า หากไม่ได้รับการอนุมัติ จะคืนเงินทั้งหมดให้ จึงได้โอนเงินไปให้ หลังจากที่โอนเงินไปแล้ว ในการฟอกไตของบิดาในเดือนมีนาคมเกือบ 10 ครั้ง ก็ได้รับส่วนลด 1,700 บาท โดยมีใบเสร็จรับเงินจากเจ้าหน้าที่การเงินของ รพ.กรุงเทพ หาดใหญ่ ออกให้ถูกต้อง
ต่อมา เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 64 ตนได้รับแจ้งจาก รพ.กรุงเทพ หาดใหญ่ ว่า โครงการขออนุมัติสิทธิ์ผู้ป่วยไตวาย ที่ร่วมกับ สปสช.ไม่มีจริง ไม่ใช่โครงการของ รพ.กรุงเทพ หาดใหญ่ เป็นเรื่องที่ น.ส.กนกอร ทำเอกสารขึ้นเองเพื่อหลอกลวงผู้ป่วยและ รพ.ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของ น.ส.กนกอร และต่อมาในวันที่ 31 มี.ค. 2564 ตัวแทนผู้บริการ รพ.กรุงเทพ หาดใหญ่ ได้นัดหมายให้ตนเอง และผู้ป่วยไตวายอื่นๆรวม 10 ราย พร้อมนำตัว น.ส.กนกอร ไปแจ้งความที่ สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ โดยมี พ.ต.ท.กีรติ ตรีวัย เป็นพนักงานสอบสวนรับแจ้งความเอาผิดกับ น.ส.กนกอร ในข้อหากระทำการทุจริตโดยหลอกลวงคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคไต รวมเป็นเงิน 5,400,000 บาท ซึ่ง น.ส. กนกอร โดยพนักงานสอบสวน ได้แจ้งขอหา ฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ เป็นความผิดทางอาญา ม. 264-265 และ 341
นายสรศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากนั้น ได้มีการติดต่อสอบถามกับ น.ส.กนกอร มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้จ่ายเงินคืน แต่ได้รับการผัดผ่อนมาโดยตลอด และคดีที่ สภ.คอหงส์ ก็ยังไม่คืบหน้า และ รพ.เอกชนดัง หาดใหญ่ ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบ ซึ่งตนเห็นว่า ไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียหาย เพราะที่ยอมจ่ายเงินให้ไป เพราะเชื่อว่าเป็นโครงการของ รพ.เอกชนดัง และหลังจ่ายเงินมัดจำแล้ว ในการฟอกไต ก็ได้รับใบเสร็จจาก รพ.ดัง ทุกครั้ง ส่วนเอกสารจะปลอมหรือไม่ปลอม ตนไม่สามารถที่จะรู้ได้ และในขณะที่เรียกเก็บเงินไปนั้น น.ส.กนกอร ก็ยังอยู่ในสถานะของ พนักงานของ รพ.เอกชนดัง จึงต้องการให้ รพ.เอกชน ร่วมรับผิดชอบ โดยในขณะที่ น.ส.กนกอร ยังไม่จ่ายเงินคืนให้กับผู้เสียหาย อยากให้ รพ.เอกชนดัง เยียวยาผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้เข้าใจผิด ด้วยการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายไปก่อน เพราะผู้ป่วยที่เป็นผู้เสียหาย ทุกคนต่างได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น
ในขณะที่ นายพงศ์ธร ผ่องผุด ทนายความของนายสรศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรเสียตามกฎหมาย รพ.เอกชนดัง หาดใหญ่ ต้องมีส่วนรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะ น.ส.กนกอร ทำความผิดในขณะที่ยังเป็นพนักงานของ รพ.เอกชนดัง หาดใหญ่ และเอกสาร เช่น ใบเสร็จรับเงิน ที่ได้ส่วนลดในการฟอกไต หลังจากที่ผู้เสียหายจ่ายเงินมัดจำสิทธิ์แล้ว ก็เป็นของ รพ.ดังกล่าว ที่มีลายเซ็น เจ้าหน้าที่การเงินของ รพ.ถูกต้อง

