นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้เน้นย้ำให้กระทรวงแรงงาน บริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพและชีวิตของทั้งแรงงานต่างด้าว และแรงงานไทยในสถานประกอบการ รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชน และประชาชนโดยรวม ซึ่งเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.64 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบขยายเวลาดำเนินการ ให้ต่างด้าวกลุ่มมติวันที่ 29 ธ.ค.63 ตรวจโควิด-19 พร้อมทำประกันสุขภาพ และยื่นขออนุญาตทำงาน (บต.48) ออกไปถึงวันที่ 13 ก.ย.64 เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบต่อการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ โดยเฉพาะขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ณ สถานพยาบาล ที่ซึ่งแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ จำต้องทุ่มเทเวลา และสถานที่ที่มีจำกัดไปกับผู้ติดเชื้อที่ยังทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“ผมในฐานะ รมว.แรงงานขอย้ำว่า นายจ้าง/สถานประกอบการไม่ต้องกังวลใจ แรงงานต่างด้าวตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.63 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ สามารถอยู่และทำงานได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหลบหนีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ขอให้อยู่ในจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งสถานประกอบการที่ได้ขออนุญาตไว้ เพราะหากตรวจพบว่ามีการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยมิได้รับอนุญาต นอกจากเสี่ยงเป็นเหตุแพร่ระบาดโรคโควิด–19 แล้ว ยังอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ด้วย กรณีจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายแรงงาน ขอให้ติดต่อขออนุญาตผ่านทางสำนักงานจัดหางานจังหวัด และปฏิบัติตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ สำหรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เสี่ยง เราจะลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุก และในกลุ่มเสี่ยงจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยใช้งบจากกองทุนเพื่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว”
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวว่า ขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ติดตามข่าวสารจาก กกจ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.63 โดยตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 พร้อมทำประกันสุขภาพ และยื่นขออนุญาตทำงาน (บต. 48) กับกรมการจัดหางานผ่านระบบออนไลน์ ภายในวันที่ 13 ก.ย. 64 ยื่นผลการตรวจโรคต้องห้าม 6 โรค ภายในวันที่ 18 ต.ค.64 และจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ภายในวันที่ 31 มี.ค. 65 ในส่วนคนต่างด้าวที่ลงทะเบียนแบบไม่มีนายจ้าง ให้ขยายระยะเวลาการ จัดทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ทร. 38/1) ถึงวันที่ 31 มี.ค.65
ทั้งนี้ กกจ.ฝากถึงนายจ้าง/สถานประกอบการ อย่ารับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หากไม่มีการจ้าง ย่อมไม่มีการลักลอบเข้ามาทำงาน ซึ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 การลักลอบเข้ามาของแรงงานที่ไม่ได้ผ่านการตรวจคัดกรองโรค อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อตัวนายจ้าง/สถานประกอบการ และกิจการ ตลอดจนชุมชนใกล้เคียงจนถึงระดับประเทศได้ ซึ่ง กกจ.จะตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีกับคนต่างด้าว และนายจ้างที่กระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำหรับนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าว 1 คน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี