เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่บริษัท บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ศูนย์ฉีดวัคซีนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหมให้สัมภาษณ์ ถึงการสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่มียอดสูงขึ้นทุกวันว่า หลายคนมีข้อเสนอแนะมากมาย ซึ่งตนจำเป็นต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.ว่ามาตรการต่างๆที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ซึ่งต้องคำนึงหลายๆ เรื่องด้วยกัน ขณะที่การตรวจเชิงรุกยอดต้องพบยอดเพิ่มขึ้น แต่มันก็ดีกว่าไม่ตรวจ ถูกหรือไม่ ตรวจแล้วก็รักษาได้ ควบคุมได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องเตียงผู้ป่วยสีแดง ตนได้สั่งให้มีการจัดหาเพิ่มเติม ซึ่งได้คุยกันเรียบร้อยแล้วกับกทม.และรัฐมนตรีสาธารณสุข อันดับแรกคือต้องหาสถานที่ให้ได้ หาห้องความดันลบที่ใช้รักษาพยาบาลผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยสีแดงให้ได้ และต้องหาเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ จะเห็นได้ว่าวันนี้ทุกคนเต็มที่แล้ว ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งฉีดและคัดกรอง ตรวจรับ และรักษา และเราจะหาเพิ่มเติมได้จากไหน จะปรับกันอย่างไร ตนคิดว่าขั้นตอนน่าจะเรียบร้อยภายในไม่กี่วันนี้ วันนี้ตนได้สั่งนโยบายไปว่าต้องหาเตียงเพิ่มให้ได้ 100 เตียง โดยเร็วที่สุด ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์วิจัยต่างๆที่ได้มีการพัฒนาแล้ว เหมือนกับโรงพยาบาลบุษราคัม และต้องเชื่อมต่อระบบได้ด้วยนั่นคือสิ่งสำคัญ และต้องมีหมอเฉพาะทางดูแล
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องแรงงานต่างด้าว ได้กวดขันทุกช่องทาง ในเรื่องการลักลอบ มีการเพิ่มจุดตรวจ 400-600 จุดแล้ว แต่จะวางตลอดแนวไม่ได้ ระยะทางตั้ง 2,500 กม. เข้าใจหรือไม่ แต่ก็ยังมีคนพยายามที่จะลักลอบเข้ามา ซึ่งก็ถูกจับได้ ตนได้กำชับไปที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งวันนี้แรงงานที่เข้ามามี 3 ประเภท 1.ถูกกฎหมาย มาทำงานในพื้นที่อนุญาต 2.ถูกกฎหมาย และทำงานนอกพื้นที่ 3.ผิดกฎหมายทั้งหมด เราต้องแก้ตรงนี้ให้ได้ ตนได้สั่งกระทรวงแรงงานให้ไปตรวจโรงงานที่มีแรงงานผิดกฎหมาย จะมีความผิด คือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ตราบใดที่มีดีมานก็ต้องมีซัพพราย มีคนแสวงหาผลประโยชน์ตรงนี้ ซึ่งตนไม่ยอมทั้งสิ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกลงโทษ
"ผมติดตามทุกเรื่อง ผมก็ถามคุณหมอ หลายคนเสนอว่าต้องทำอย่างนี้อย่างนั้น ปิดนู่นปิดนี่ เราก็พยายามทำอย่างดีที่สุด ชีวิตต้องเดินหน้า ครอบครัวต้องหากินต้องมีเงินใช้ วันนี้เราแก้ด้วยวิธีการ พบการระบาดตรงไหนก็ปิดตรงนั้น สำคัญต้องร่วมมือ ปิดก็คือปิด ต้องอยู่ในพื้นที่เพื่อไม่ให้แพร่ไปที่อื่นและรักษาให้ได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่อยากให้ร่วมมือกับผม ถ้าเล็ดลอดกันไป ก็มากันอีก จะปิดตรงไหนก็รั่วหมด จะพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ เพราะรู้ว่าคนของเรามีรายได้น้อยจำนวนมาก หาเช้ากินค่ำ ฉะนั้นเราต้องเร่งรัดการดำเนินการเรื่องวัคซีนให้เร็วที่สุด ให้สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่เข้ามา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า จากผลกระทบโควิด-19 รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาทุกอย่าง รัฐบาลแก้ปัญหาหลายเรื่องไม่ได้ทำงานหน้าเดียว ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เรื่องสำคัญที่รัฐบาล ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ยึดหลักในการแก้ปัญหา คือการติดเชื้อ การแพร่ระบาด ตรวจสอบคัดกรองเชิงรุก ปิดกั้นพื้นที่แพร่ระบาด ด้วยความร่วมมือทุกภาคส่วน การจัดหาวัคซีน ให้ฉีดได้มากที่สุดและเร็วที่สุด พร้อมกับการจัดหาเพิ่มเติม และให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปให้ได้ แม้ว่าจะมีโควิดในเวลานี้ แต่ก็ยังมีหลายประเทศอยากจะมาเยี่ยมเยือนเมืองไทย ซึ่งเราต้องมีมาตรการที่รัดกุม เช่น ที่จังหวัดภูเก็ต วันนี้ก็มอบหมายให้รองนายกฯเศรษฐกิจและสาธารณสุขไปดูแล โดยตนจะไปเปิดงานในวันที่ 1 ก.ค. มันต้องทำทั้งสองอย่าง ไม่ใช่หยุดทั้งหมด นั่นคือเป้าหมายที่เราต้องการ การทำงานต้องมีเป้าหมาย ส่วนนี้ก็แก้ปัญหาแล้วเดินหน้าไป ถ้ามันทำได้ก็ทำได้ ถ้าทำไม่ได้เราก็ต้องหยุดก็แค่นั้น ถ้าทำได้เราก็ใช้แนวคิดเเซนด์บ็อกซ์ ไปในส่วนอื่นๆได้ เพราะการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศถึง 40 เปอร์เซ็นต์ วันนี้เป็นศูนย์ไม่มีรายได้ รายได้การจัดเก็บภาษีก็ลดลง เราไปเก็บกับใครไม่ได้ เราจึงต้องเร่งเปิดตรงนี้ หลายประเทศเขาบอกว่าไม่กังวลประเทศไทย แม้สถิติเราจะตกใจแต่เขาไม่ตกใจ เขามากกว่าเราเยอะ แต่เราก็ต้องทำให้เขาปลอดภัยกลับไป จะประมาทไม่ได้เราต้องดูแล
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของการเปิดประเทศที่พูดกันมาหลายวันก็ต้องขอบคุณบรรดาคณะแพทย์ที่มีความห่วงใยแต่ก็ขอความกรุณาฟังทางนี้ ทั้งศบค.และสาธารณสุขซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานจริงซึ่งเขามีข้อมูลหากสงสัยขอให้ถามกันมา ถ้าจะไปพูดกันไปกันมามันก็จะไปคนละทางสองทาง ตนคิดว่าเราไม่อยากเดินหน้าไปสู่ความวุ่นวายที่จะทำให้เกิดความสับสนอลม่าน ความอดอยากปากแห้งของพี่น้องคนไทย นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำไปพร้อมกับการให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ไม่ใช่นายกฯจะทำตรงนี้แล้วไม่สนใจเรื่องสุขภาพมันใช่ที่ไหน เราก็ทำอย่างนี้มาเรื่อยๆอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เอาชัดๆเลยว่ายังไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์กทม.ใช่หรือไม่นายกฯตอบว่า กำลังพิจารณาอยู่ ก็ยังไม่ยืนยันว่าจะทำหรือไม่ทำ ต้องฟังข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์ถึงเหตุผลและความจำเป็นและจะนำไปพิจารณาในที่ประชุมศบค.ซึ่งมีอยู่หลายกระทรวงด้วยกันรวมถึงจะต้องไปถามพี่น้องประชาชนข้างล่างด้วยว่าจะทำอย่างไรเขาจะทำอย่างไรอาจจะต้องปิดเขาจะเดือดร้อนอย่างไร เพราะเดี๋ยวรัฐบาลก็ต้องหาเงินไปดูแลเขาอีก
เมื่อถามย้ำว่า หลายคนเสนอให้เจ็บแล้วจบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า "แล้วแน่ใจไหมว่าปิดแล้วจบ รับรองให้ผมได้ไหม ถ้านักข่าวบอกให้ปิดแล้วไม่จบทำยังไง ตอบคำถามผมด้วย ถ้าเจ็บแล้วจบก็ควรทำ แต่ถ้าเจ็บแล้วไม่จบจะทำอย่างไร ต้องทำให้ดีที่สุด ผมไม่โทษใครทุกคนต้องมีจิตสำนึก ระมัดระวังและอย่าไปเสี่ยงกัน"
เมื่อถามว่า หากไม่ล็อคดาวน์ 7วัน จะใช้กฎหมายแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายมีทุกตัวอยู่แล้ว ถามว่าคนที่เคารพกฎหมาย เมื่อวานก็ยังเดินเกะกะอยู่ ไม่เห็นหรือ กลัวกฎหมายไหม ข้อสำคัญคือ กฎหมายบังคับคนทุกคน ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ควรจะฝืนกฎหมาย ต้องถามเขาว่ากลัวกฎหมายหรือไม่ เพราะคนที่กลัวกฎหมายคือพวกเรา ตนก็กลัว แล้วคนที่ไม่กลัวกฎหมายคือใคร แล้วสร้างประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติบ้างไหม อย่าเอาเรื่องนี้มาถามตนอีก