เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ศาลอาญา นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมด้วยพลเอกประชาพัฒน์ วัจนะรัตน์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ ทำการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม นายศุภกิจ แย้มประชา รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมและพลโท กิตติยุทธ กิตติยุทธโยธิน หัวหน้าสำนักตุลาการทหารและตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารสูงสุด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรม กับ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการ และพัฒนาบุคลากรทางวิชาการ ด้านนายพงษ์เดช กล่าวว่า สำนักงานศาลยุติธรรมและกรมพระธรรมนูญ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาล อันเป็นหลักการสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่เพื่ออำนวยความยุติธรรมและดำรงไว้ ซึ่งความสงบสุขของสังคม อีกทั้ง คำนึงถึงความจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะข้าราชการฝ่ายตุลาการ ศาลยุติธรรม กับ ตุลาการพระธรรมนูญและข้าราชการสำนักตุลาการทหาร โดยการเพิ่มพูนความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านวิชาการ การบริหารงานยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ ดังนั้น สำนักงานศาลยุติธรรม และกรมพระธรรมนูญ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจลักษณะเดียวกัน คือ งานธุรการที่สนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี จึงเห็นควรที่จะร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว เพื่อพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการในการแลกเปลี่ยน และสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการระหว่างหน่วยงาน บทความทางวิชาการ เอกสารงานวิจัย คู่มือการปฏิบัติงาน แนวปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ รวมถึงคำพิพากษา คำสั่ง หรือคำวินิจฉัยที่สามารถเปิดเผยและเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมแก่สังคมอย่างยั่งยืน โดยบุคลากรของทั้งสองหน่วยงานสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ สามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน สร้างความสงบสุขในสังคม ความเชื่อมั่น และความศรัทธาใน กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยต่อไป ด้านพลเอกประชาพัฒน์ กล่าวว่าสำหรับการลงนามความร่วมมือในวันนี้ เป็นความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งบุคคลากร เทคโนโลยีและข้อมูลความรู้ กรมพระธรรมนูญ​มีศาลทหารอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นการลงนามในวันนี้จึงเป็นประโยชน์​ เพื่อนำไปพัฒนาให้การทำงานและบุคคลากร มีความรู้ ความสามารถมากยิ่งขึ้น สำหรับศาลยุติธรรมถือเป็นศาลหลักของประเทศ ดังนั้นการทำข้อตกลงความร่วมมือร่วมกันถือเป็นประโยชน์อย่างมาก เพื่อพัฒนาองค์กรตามมติสั่งการของปลัดกระทรวง ให้บุคคลากรมีความรู้ ความเข้าใจด้านวิชาการ ตลอดจนการฝึกอบรมบุคลากรในด้านต่างๆ การเสริมสร้าง งานวิชาการ ตลอดจนแลกเปลี่ยน และสนับสนุนการฝึกอบรมและดูงานในหลักสูตรต่างๆ ตามความ เหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ร่วมผลักดันจนบรรลุกรอบความร่วมมือทางวิชาการฉบับนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองหน่วยงานจะได้ บูรณาการพัฒนาแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มพูน ประสิทธิภาพส่งผลต่อการอำนวย ความยุติธรรม เพื่อประโยชน์ของกระบวนการยุติธรรมของประเทศต่อไป