วันที่ 23 มิ.ย.64- นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงงสถานการณ์เตียงผู้ป่วยโควิด 19 ในพื้นที่ กทม. ว่า กระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนกรุงเทพมหานคร โดยที่ผ่านมาโรงพยาบาลบุษราคัมช่วยดูแลผู้ป่วยอาการปานกลางหรือสีเหลือง ทั้งคนไทยและต่างชาติ เพื่อให้โรงพยาบาลหลักมีเตียงไอซียูดูแลผู้ป่วยอาหารหนักมากขึ้น ขณะนี้กำลังเตรียมยกระดับโรงพยาบาลสนามต่างๆ ในพื้นที่ กทม. ให้รองรับผู้ป่วยอาการสีเหลืองได้ ลดโอกาสผู้ป่วยเปลี่ยนเป็นอาการหนัก เพื่อให้จำนวนเตียงในโรงพยาบาลหลักดูแลผู้ป่วยหนักได้มากขึ้น และเป็นการรองรับในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ที่โรงพยาบาลบุษราคัมจะหมดสัญญากับทางอิมแพ็คด้วย โดยจะยกระดับโรงพยาบาลสนามที่รองรับผู้ติดเชื้อได้จำนวนมาก อาจเปิดในพื้นที่สี่มุมเมือง รวมถึงศูนย์แรกรับนิมิบุตร หรือสนามกีฬาอินดอร์ สเตเดียม ทั้งนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการระบาดของโรคโควิด-19 ในโรงงาน ว่า ทางนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูแลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะมาตรการ Bubble and Seal โดยให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ช่วยดูแลอย่าให้มีการเดินทางออกจากพื้นที่ Bubble and Seal ซึ่งจะมีทีมควบคุมโรคเข้าไปคัดแยกผู้ป่วยตามอาการ เพื่อนำไปรักษาในโรงพยาบาลที่เหมาะสมต่อไป แม้จะเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายก็ดูแลรักษาตามหลักมนุษยธรรมเพื่อป้องกันโรค ส่วนประเด็นการตรวจสอบการลักลอบเข้าประเทศเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน ฝ่ายความมั่นคง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ขณะนี้มีวัคซีนทยอยจัดส่งและจัดสรรออกไปทุกสัปดาห์ โดยสามารถฉีดวัคซีนได้แล้ว 8.1 ล้านโดส ส่วนกรณีนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาล่าช้า ไม่เกี่ยวข้องกับทางองค์การเภสัชกรรม เนื่องจากตามหลักการของวัคซีนทางเลือกต้องให้ภาคเอกชนแจ้งจำนวนวัคซีนเข้ามาก่อน โดยองค์การเภสัชกรรมจะเป็นตัวกลางหรือสะพานไปเจรจาให้ โดยทางโมเดอร์นา ได้แจ้งมาว่าสามารถส่งวัคซีนได้ในไตรมาส 4 ส่วนรายละเอียดองค์การ ฯ จะได้ให้รายละเอียดต่อไป อย่างไรก็ตามในส่วนของสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) แม้ยังไม่มีวัคซีนชนิดไหนครอบคลุม แต่วัคซีนที่ฉีดไปแล้วจะยังช่วยลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิตได้