เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค. แถลงว่าที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการมีความห่วงใยผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจที่กราฟพุ่งสูงขึ้น แต่เดิมจะอยู่เฉพาะในกทม.และปริมณฑล โดยขณะนี้ต่างจังหวัดพบเพิ่มขึ้นเหมือนกัน
ซึ่งสอดคล้องกับการระบาดระลอกช่วงปลายปี 2563 ที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่ยอดผู้ติดเชื้อไม่เท่ากับช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ในเดือน มิ.ย. มีความน่าหวงใยว่า ผู้ที่เดินเข้ามารักษาในโรงพยาบาลยังพุ่งขึ้นตลอด ขณะที่การค้นหาเชิงรุกแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เราต้องช่วยกันในการจัดการกับโรคทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชน เพื่อไม่ให้เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ส่วนที่มีข่าวมาว่า มีผู้มารักษาพยาบาลจำนวนมากและต้องรอเตียงนั้น ที่ประชุมวิเคราะห์ว่า จะทำอย่างไรให้ผู้ป่วยระดับสีเขียวลดลงหรือกระจายจากโรงพยาบาลไปอยู่อื่น ทั้งโรงพยาบาลสนามและต้องเปิดพื้นที่ดูแลสีแดงให้มากขึ้น จึงมีการพูดถึงโมเดลที่ให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยกัน ซึ่งจะเห็นการจัดการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากและมีผู้ป่วยวิกฤติ ซึ่งกรมการแพทย์ระบุว่าจำนวนเตียงผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะวิกฤตจะแก้ไขอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า
ในที่ประชุมศปก.ศบค. ได้พูดคุยกันว่ามีผู้ป่วยอยู่จำนวนหนึ่งที่รอเตียง และมีผู้ป่วยบางรายที่อาการไม่มาก ซึ่งพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะผอ.ศปก.ศบค.ระบุว่า ได้มอบให้กรุงเทพฯ พยายามเปิด
ฮอสปิเทลและให้กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ย้ายเข้าไปอยู่ได้ ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้คนที่รอเตียงเข้ามาสู่โรงพยาบาลได้ เตียงก็จะว่างเพื่อที่จะรับผู้ป่วยมีอาการเพื่อรับเข้ามาประเมิน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนที่สองคือโซนสีเหลืองและโซนสีแดงก็ได้มีการพูดคุยกันว่า เตียงในส่วนของภาครัฐแน่นหมดแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าของภาคเอกชนจะมีเตียงว่างจึงต้องมีหนทางใหม่ในการพูดคุยหารือกัน โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ มีโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ที่จะปรับให้เป็นพื้นที่รองรับระดับสีแดงด้วยการเพิ่มเติมอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์เข้าไป ซึ่งโดยรองผู้ว่ากทม. จะไปประชุมปรึกษาหารือเพื่อขยายศักยภาพต่อไป