. วันที่ 22 มิ.ย.2564 นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นาวาตรีหญิงโนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ สถานที่พักสังเกตอาการ LQ สนามกีฬากลางควนสตอ และอาคารศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพอำเภอควนโดน ตำบลควนสตอ อำเภอควนโดน ซึ่งเป็นพื้นที่กักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ป่วย COVID-19 คลัสเตอร์มัรกัสยะลา จังหวัดยะลา โดยมีนายพีรพัฒน์ เงินเจริญ นายอำเภอควนโดน , ผู้อำนวยการโรงพยาบาลควนโดน , สาธารณสุขอำเภอควนโดน และส่วนราชการพื้นที่อำเภอควนโดน ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล มอบหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และสิ่งของอุปโภค-บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ด้วย หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลสนามท่าแพ อำเภอท่าแพ เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน สำหรับอำเภอควนโดน มีผู้ติดเชื้อ รวม 10 คน เป็นนักเรียนจากมัรกัสยะลา จังหวัดยะลา จำนวน 7 คน และเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 3 คน ทั้งหมดถูกส่งต่อไปรักษาตัว ณ โรงพยาบาลสนามท่าแพแล้ว ซึ่งสถานที่พักสังเกตอาการ LQ อำเภอควนโดน มีผู้เข้ารับการสังเกตอาการ จำนวน 39 คน แบ่งเป็นสนามกีฬากลางควนสตอ สำหรับผู้กักตัวเพศชาย มีผู้กักตัวแล้ว จำนวน 18 คน สามารถรองรับได้อีกจำนวน 40 คน ส่วนอาคารศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพอำเภอควนโดน สำหรับผู้กักตัวเพศหญิง มีผู้กักตัวแล้ว จำนวน 21 คน สามารถรองรับได้อีกจำนวน 30 คน ส่วนโรงพยาบาลสนามท่าแพ อำเภอท่าแพ ขณะนี้มีผู้ป่วยกำลังรักษาอยู่ 40 ราย ซึ่งทุกรายอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า การควบคุมสถานการณ์ของกลุ่มคลัสเตอร์นักเรียนโรงเรียนตะห์ฟีซุลกรุอาน มัรกัสยะลา จังหวัดยะลา พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือดีเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของผู้ที่เดินทางเข้ามายังให้ความร่วมมือในการเข้าสู่ LQ ของทุกอำเภอ ในขณะนี้ทางจังหวัดสตูล ได้บริหารจัดการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยความร่วมมือทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นทางนายอำเภอในฐานะผู้นำในพื้นที่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ได้ช่วยกัน อย่างไรก็ตามหากทุกภาคส่วนยังควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แบบนี้ สักประมาณ 1 เดือน ก็สามารถควบคุมได้อย่างแน่นอน แต่หากสถานการณ์ต่อไปในอนาคตยังไม่คลี่คลายลง ทางจังหวัดสตูลได้เตรียมแผนรองรับโดยการหาโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม ในขณะนี้โรงพยาบาลสนามท่าแพ สามารถรองรับได้อีกประมาณ 20 เตียง ส่วนโรงพยาบาลสนามทุ่งหว้า ยังว่างอยู่ สามารถรองรับได้ประมาณ 60 เตียง และยังมีโรงพยาบาลชุมชนในแต่ละอำเภอสามารถรองรับได้อีกด้วย