เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 13 หน่วยฯ ทั่วประเทศ ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรอาศัยน้ำฝนที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงในฤดูฝนนี้ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องสนับสนุนปริมาณน้ำให้มีเพียงพอต่อการเพาะปลูก เพื่อให้ผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรและประชาชนไม่เกิดความเสียหาย โดยจากผลปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.64) ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 5 หน่วยฯ ได้แก่ หน่วยฯ จ.พิษณุโลก กาญจนบุรี ลพบุรี นครราชสีมา และสุรินทร์ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของจังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง นครราชสีมา บุรีรัมย์ และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครินทร์ อ่างเก็บน้ำห้วยเทียน และอ่างเก็บน้ำห้วยหนองโรง
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการติดตามสภาพอากาศเพื่อวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงเช้าวันนี้ ผลการตรวจสภาพอากาศจากสถานีเรดาร์ฝนหลวงทั่วประเทศ พบว่า มีบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง ในเช้าวันนี้จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 3 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่ หน่วยฯ จ.พิษณุโลก ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.พิจิตร จ.กำแพงเพชร หน่วยฯ จ.กาญจนบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มรับน้ำ จ.กาญจนบุรี จ.สุพรรณบุรี และหน่วยฯ จ.ลพบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ลพบุรี จ.นครสวรรค์
อย่างไรก็ตาม สำหรับ 10 หน่วยปฏิบัติการ จะติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.สระแก้ว ยังไม่สามารถขึ้นบินปฏิบัติการได้ เนื่องจากนักบินงดปฎิบัติหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังสังเกตอาการไม่พึงประสงค์ 48 ชม. ภายหลังการได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100