สุดยอดลูกกตัญญู เอ๊าะ กีรติ เผยให้แม่เป็นคนเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ ตั้งแต่บาทแรกที่ได้รับจากงานในวงการ พร้อมเปิดแผนชีวิตหลังความตายทำพินัยกรรมไว้หมด เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่ใช้ชีวิตแบบอิสระเสรีที่ไม่คิดจะผูกมัดผูกพันกับใคร สำหรับนักแสดงอารมณ์ดี เอ๊าะ กีรติ เทพธัญญ์ ที่ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เล่าถึงความรักที่เริ่มต้นจากความไม่ชอบหน้า ไม่เคยขอภรรยาปัจจุบันเป็นแฟน แต่ข้ามสเต็ปขอแต่งงานเลย พร้อมเปิดเรื่องลับวางแผนชีวิตหลังความตายเผื่อไว้ให้ครอบครัวในอนาคต ตลอดชีวิตของผู้ชายคนนี้ตั้งแต่หาเงินได้ให้แม่หมดเลย เอ๊าะ กีรติ : บาทที่ 1 เลยตั้งแต่เริ่มประกวดนายแบบเลยครับได้รางวัลมาเงินทั้งหมดให้แม่เลยก้อนแรกแล้วจากนั้นก็เป็นแบบนั้นมาตลอดให้ทุกอย่างเลยจนถึงทุกวันนี้ ที่เรามีบริษัท มีลูกน้อง เรามีทุกอย่างเราก็ยังรับเงินเป็นรายวันกับแม่อยู่ แม่ขอเงินๆอะไรอย่างนี้ แม่ก็แกล้งแซวขอทุกวันไม่เบื่อเหรอ เราก็บอกว่าให้ทุกวันไม่เบื่อเหรอ ซึ่งเหตุผลที่เราขอเงินทุกวันคือ เรามีเหตุผลนะครับ เพราะเราจะได้มีเรื่องราวที่จะคุยกับแม่ คือ มันเป็นไปไม่ได้นะถ้าคนเราคือในชีวิตหนึ่งเราคนเดียวที่สามารถทำหน้าที่ลูกของเขาได้ ส่วนภรรยาของเราก็จะได้เงินเดือนต่างหาก แต่ของแม่คือทั้งหมด และจากทั้งหมดตรงนั้นคือ ก็จะมีเป็นเงินเดือนส่วนหนึ่งให้คุณก้อยภรรยา ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ผมได้รับปากกับคุณพ่อไว้ว่าจะดูแลครอบครัว ดูแลคุณแม่ คือตอนนั้นเราเด็กมากเราก็ไม่รู้ว่ามันคือ อะไรที่จับมือคุณพ่อไว้ก่อนคุณพ่อเสียตอนนั้นอายุ 10 กว่าขวบครับ แล้วพ่อก็จับมือเราแล้วท่านก็บอกว่าฝากดูแลแม่กับน้องด้วยนะ ตอนนั้นที่ท่านจากไปเพราะว่าอุบัติเหตุครับ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็ทำตามที่ผมรับปากพ่อมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ดูแลมาตลอด เป็นสิ่งที่เราจำได้ขึ้นใจสิ่งหนึ่งที่พ่อพูด คือ ฝากดูแลแม่กับน้องด้วยนะ แล้วอีก 1-2 วันพ่อก็เสีย จากวันนั้นถึงวันนี้ถึงบางอย่างจะยังไม่ได้สำเร็จตามแผนที่ตั้งใจที่เราวางแผนไว้ แต่ว่าไม่เคยขาดในการที่จะทำหน้าที่นี้เลย อย่างวันที่เราเหนื่อยเราก็นั่งมองฟ้าแล้วก็พูดขึ้นไปข้างบนพ่อวันนี้เป็นอย่างนี้ๆ แม่อย่างนี้ๆนะแต่ไม่รู้ว่าท่านจะรับรู้ไหมนะ แต่วันนี้ผมเดินมาไกลแล้วหลังว่าพ่อน่าจะได้เห็นครับ มีอีกอย่างที่ เอ๊าะ แสดงออกกับคุณแม่คือ..กราบคุณแม่ทุกวัน เอ๊าะ กีรติ : กราบเท้าคุณแม่ทุกเช้าครับ แล้วก็หอมที่เท้าคุณแม่ทุกวัน เราต้องกราบตอนที่เขามีชีวิตนะครับ เพราะไม่งั้นเราก็จะกราบเขาข้างเดียวไม่มีประโยชน์เลย เหมือนกันคือวันที่เราเห็นพ่อเราเสียปุ๊บ เรารู้เลยว่าถ้าไม่ทำตอนนี้ ไม่มีทางทันเลย เพราะตอนที่คุณพ่อเสียเรายังไม่รู้ไง พอตอนนี้เราโตขึ้นมาถึงได้รู้ว่ามันต้องทำตอนนี้ ทำตอนที่เขายังมีลมหายใจ บอกรักเขาตอนนี้รักทุกวัน หอมทุกวันแล้วก็หอมเท้ากอดแม่สู้ๆนะ หายใจไว้นะ อึดไว้นะเพราะตอนนี้ท่าน 76 แล้วครับ พาไปตรวจร่างกาย พาไปออกกำลังกาย พาไปทำทุกอย่างเพื่อเก็บแต้มเวลาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เราเป็นเด็กล่าแต้ม แต้มเวลาของแม่นะครับ แล้วมื้อเข้ากติกาคือ ก่อนที่ เอ๊าะ จะไปทำงานเล้าต้องกินข้าวด้วยกัน กอดหอมกราบท่าน แล้วมื้อเย็นถ้า เอ๊าะ กินข้าวด้วยก็คือกลับมาทันกินด้วยกันอยู่ด้วยกัน กับข้าวง่ายๆไม่มีอะไรเลยต้องการกินแค่นี้ ต้องการกินกับคนนี้แล้วก็ขึ้นไปนอน ซึ่งเวลาที่เรากราบแม่ท่านก็จะอวยพรบอกเราว่า อึดไว้นะลูก อึดไว้นะคือตายไม่ได้นะ (หัวเราะ) ตัวเงินตัวทองของแม่ เราก็พูดคุยกับสนุกเพราะคุณแม่ท่านเป็นคนสนุก แล้วก็พยายามเทกโมเมนต์กับแม่ให้ได้มากที่สุกเท่าที่มันจะทำได้เลย แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่ติดเที่ยวสนุกมากจนลืมคุณแม่ไป เอ๊าะ กีรติ : ช่วงวัยรุ่นครับ ซึ่งตอนนั้นคือช่วงที่คุณพ่อเสียไปแล้ว และเป็นช่วงที่เราเริ่มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ช่วงนั้นยังไม่ปาแหวนครับ ช่วงนั้นกำลังเห่อการเที่ยวกลางคืน เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้เคยไปเลย อะไรคือผับ อะไรคือการไปเที่ยวกลางคืนแล้วแบบมีผู้หญิงด้วย อะไรคือการเข้าไปจีบหญิง คือไม่เคยมีโลกแบบนี้เลยนะครับ อะไรมันคือการเอากระดาษใบเล็กๆเขียนเบอร์โทรศัพท์แล้วเอาไปให้เด็กเสิร์ฟ เอาไปให้ผู้หญิงคนนี้มันเป็นโลกใหม่มาก แล้วเราก็เที่ยว ทำงาน เที่ยว ทำงาน อยู่อย่างนั้น ถามว่าตอนนั้นคุณแม่ร้องขอให้เบาๆไหม เขาคงพูดแต่เราไม่ได้ยิน ไม่สนใจ และไม่ได้ตั้งใจฟัง จนวันหนึ่งที่เราใช้ชีวิตแบบนั้นครับ จนวันหนึ่งเราเห็นโฆษณาตัวหนึ่งเห็นผู้หญิงอายุเยอะนั่งกินข้าวอยู่ลูกบอกทำงานหนักไม่มีเวลาตัดภาพมาคือลูกเต้นอยู่สนุกสนานเลย แม่ตักแกงเขียวหวานกินแล้วก็ตักอีกช้อน คือ ให้น้องหมากินเป็นเพื่อนภาพมันเหงามากเลยพี่ วันนั้นคือ วันที่เปลี่ยน เอ๊าะ ไปเลย เราดูอันนี้เสร็จปุ๊บ !! ทุกอย่างในผับมันหยุดหมดเลย ซึ่งโฆษณาที่เราเห็นนี้คือ ในผับครับ ทำให้เรากลายเป็นผู้ชายที่ไม่ปล่อยให้แม่เลย กล้าที่จะเข้าไปกอดแม่ หอมแม่ บอกรักแม่ทุกวัน ส่วนในเรื่องของความรัก เอ๊าะ เป็นคนที่มีความรักมากมาย แต่ก็มีเรื่องให้เสียใจคือ การอกหักครั้งใหญ่นี้คุณแม่ทราบไหม เอ๊าะ กีรติ : รู้หมดครับ ทุกครั้งที่เสียใจแม่จะรู้หมดเพราะว่าอาการลูกชานจะแปลกๆไปเด็กร่าเริงสนุกสนานแล้ววันหนึ่งก็เศร้าๆเก็บตัวอยู่ในห้อง แต่ว่าเช้าก็ไปทำงานๆไปทำงานอยู่อย่างนี้แล้วก็ค่อยๆหายไปเอง แต่คุณแม่ไม่ได้มาปลอบนะครับ เขาก็อยู่เฉยๆเพราะเขาเองก็ต้องทำงาน เราก็ทำงาน พอเช้ามาก็ทำเป็นเรื่องปกติก็ออกไปทำงาน แต่พอตอนเย็นทีไรคือ พัง ถาม แล้วในช่วงที่พี่ลิงบอกว่ามีผู้หญิงทุกซอยมันคือช่วงไหน เอ๊าะ กีรติ : คือในความเจ้าชู้มันไม่มีความหยุดเลยนะครับ คือเราก็รักไปเรื่อยผมรักทุกคนจริงๆนะ รัก รักเหลือเกิน รักมากเลย แต่มันก็เป็นแบบรักคนนี้ด้วย รักคนนี้ด้วยแล้วก็รักเธอด้วย แต่ตอนนั้นไม่คิดจริงจังกับใครเลยแต่การบอกรักเขาคือ ผมเจอเขาแค่ 1-2 ครั้งเองนะน้อยมากเพราะอย่างที่บอกงานผมเยอะมาก พอเจอคนนี้ผมชอบผมก็จีบเลยคุยๆจีบๆได้เบอร์ก็โทรไปคุยๆอยู่ๆวันหนึ่งก็หายไป วันหนึ่งฟ้าก็ส่งผู้หญิงคนหนึ่งลงมาเจอกับภรรยายังไง เอ๊าะ กีรติ : เจอตอนที่เราทำงานนี่แหละครับ พอเจอตอนทำงานคือไม่ชอบขี้หน้ากันเลยนะครับพี่ คือ ผมไม่ชอบเลยเพราะว่าเขาเหมือนทอมแล้วเขาผมสั้นๆ อย่างนี้แล้วเขาแบบคุยโทรศัพท์แล้วตอนนั้นเราแบบเหนื่อยเสียงเราเวลาคุยมันจะไม่ดีเราพูดจาไม่ดีกับคน ไม่มีเสียงเครือหัวเราะไม่มีเลยนะเราแบบนี้เลยนะครับ ตอนที่คุยกับเขา เออ.. ทำไมอย่างไร ต้องทำอะไร เหรอกี่โมง เฮ้ย!!อะไรผมไม่ใส่กางเกงสีขาว อะไรต้องร้องเพลง ผมไม่ร้องผมเป็นพิธีกรผมไม่ร้องผมดีลงานกับเขาเลยแบบนี้เลยครับ เถื่อนมากอย่างนี้เลยครับจริงๆ ทุกทีจะมีผู้จัดการคุย เอ๊าะ ไม่เคยคุย แต่วันนั้นเขาโทรมาเพื่ออธิบายงานรอบสุดท้ายแค่นั้นเองว่านัดหมายตามนี้ๆทราบเรื่องหรือยัง เพื่อชัวร์ในการเช็กว่าอยู่กรุงเทพฯไหมเราก็ตามนี้นะวางเลย .. แล้วพอเริ่มงานจริงๆก็คือผู้หญิงคนนี้เรายืนอยู่บนเวที ฝนตกหนักเลยนะระบบการถ่ายทอดก็ยังถ่ายทอดอยู่เพราะเราได้คุยกันก่อนหน้าที่งานจะเริ่มคือ พี่ไม่ถอย เอ๊าะก็จะไม่ถอย ผมจะทำให้คนในที่อื่นๆอิจฉาเราให้ได้ว่าที่นี่สนุกที่สุดอะไรอย่างนี้ก็คุยกับศิลปิน คุยกับทีมงานว่าเอาแบบนี้นะ ซึ่งในระหว่างทำงานไปก็เห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ด้านข้างเวทีใส่เสื้อกันฝนแล้วยืนมองผมอยู่ แบบเราอยู่บนเวทีตอนนั้นคือสนุกมาก เขามองจ้องเราแบบนิ่งมากทีมงานรู้หมดว่าเขาไม่ชอบผม แต่ผมเข้าใจว่าเขาชอบผม (เพราะเขาถึงมายืนดู) นี่คือคิดไปเอง เขามายืนใกล้ๆเขาไม่ไปไหนเลย นั่นหมายถึงนี่คือ รักแท้ (หัวเราะ) ถามว่าเขาเป็นสเปกเราไหม คือ เขาไม่ใช่เลยครับ เพราะสเปกเราคือสูงขาเรียวๆเหมือนนางงาม หุ่นเนี๊ยบๆคือเดินกับเราแล้วคนต้องมองตามให้คิดว่าเราไม่น่าจะมีอะไรแบบนี้เลยอันนั้นคือสเปกเรา แต่อันนี้คือ สเปกไม่ใช่เลย แต่พอตอนที่เราทำงานอยู่คือเขามองเราตลอดไม่ถอยเลย (นั้นคือความคิดภายในคืนเดียวนะครับ) คิดได้สุดขีดถึงขนาดนั้น พอเราลงจากเวทีมาปุ๊บเราก็เข้าไปถามเขาว่าเป็นยังไง ผมทำงานโอเคไหมๆเขาก็เริ่มยิ้ม พอเราเห็นว่าเขายิ้มก็คิดว่าเขามีใจให้เราแน่นอน แล้วเราก็เขาเบอร์โทรเขา แล้วหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลยได้แต่ส่งข้อความคุยกับเขา แต่เป็นแบบให้กำลังใจก็คือแบบเป็นอย่างไรเหนื่อยไหมเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าคนทำงานโปรดักชันเหนื่อยมาก เพราะกว่าจะเตรียมงาน และ เสร็จงานแล้วต้องเก็บงานอีก มันก็อดหลับ อดนอน แล้วเขาก็ทำงานหนักมากเพราะว่าช่วงนั้นอีเว้นท์เยอะมากแล้วเขาก็ต้องเป็นคนที่ต้องจัดการอะไรหลายๆอย่างตลอดเวลาเราก็ให้กำลังใจ ผมว่าไม่ต้องคิดอะไรมาก เหนื่อยนอนพรุ่งนี้ก็หาย แต่ถ้าเราไม่ได้มีการพิสูจน์อะไรบางอย่างกับเวลาที่กำจัดแบบนี้แล้วถ้าเราไม่ได้ทำเต็มที่มันจะเสียใจมากเลยถ้าตอนนั้นคุณไม่ได้เต็มที่กับมัน ซึ่งการให้กำลังใจของเราเขาไม่ได้ขอนะครับ แต่เราอยากให้ แล้วตอนนั้นไม่ได้จีบเขาด้วย แต่ที่คุยตอนนั้นก็ไม่ได้มีสถานะอะไรครับ แต่เราหยอดกระจุยเลยแต่ก็ไม่ได้ให้เขาคนเดียวนะครับ ก็มีบางแต่ก็ไม่ได้เยอะเท่ากับตอนวัยรุ่น เอ๊าะ กีรติ : แต่วันหนึ่งถ้าอยู่ดีๆเรากำลังมีเรื่องฉุกเฉินขนาดนั้น มีเรื่องการเงิน มีเรื่องการแก้ปัญหาขนาดนั้น คนคนหนึ่งจะมีใครไหมพี่จะมายืนอยู่ข้างๆแล้วให้ลูกค้ามายืนด่า โดยที่เขาต้องด่าเจ้าของนะ แต่คนคนนี้ยืนอยู่ด้วย ใครคนหนึ่งจะยืนอยู่ข้างๆคนที่กำลังจะเอาของไปขอโทษคนอื่นเหรอ เขาจะยอมไปด้วยเหรอแต่ ก้อย คือคนคนนั้นเสมอ ใครคนหนึ่งมามานั่งข้างๆเราโดยที่ไม่ได้ถามอะไรเลยแต่เราไปนั่งใกล้ๆเขาแล้วเราก็พิงโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกัน คนคนนี้คือ ก้อย ที่พร้อมจะไปกับเราในทุกที่เลย ระหว่าง เอ๊าะ กับ ก้อย หลังจากรับปากจะแต่งงานแล้วสถานภาพเปลี่ยนแล้วหลังจากนั้นเราเปลี่ยนวิธีการดูแลเขาให้มันดีกว่าเดิมไหม เอ๊าะ กีรติ : พอแต่งงานแล้วเราดีขึ้นเป็นเท่าหนึ่งเลยครับ เราบอกรักตลอดเวลา เราคิดถึง เราหอมแก้มกันก่อนนอนเรากอกกันเราแกล้งกัน เราเป็นเพื่อนกันเราเดินจูงมือกันเราตัวติดกันไปไหนไปด้วยกันทุกที่ ไม่ว่าจะไปทำงานอะไรเราบินไปด้วยกันทุกที่พอเราได้อยู่แล้วใช้ชีวิตแล้วเรียนรู้กันจริงๆอย่างนี้มันดีมากเลย แต่พอได้มาเป็นคู่กันจริงๆเราได้สัมผัสถึงความธรรมดาที่สุดรู้สึกยังไงบ้างว่าเข้าใจหรือยังอะไรอย่างนี้ เอ๊าะ กีรติ : ชีวิตมันเบามากเลยครับ มันรู้เลยว่าตอนนี้เราจะเหลืออะไรที่เราต้องทำบ้างอะไรคือสิ่งสำคัญของชีวิตผมเขียนหมดเลยนะพี่ คือ ครอบครัว ลูก เมีย แม่แล้วก็แม่เมีย ญาติๆทำยังไงจะเก็บเวลากันยังไง เขียนออกมาเป็น Business Plan เพื่อให้แบบโอเคจากนี้นะ จนถึงเท่านี้นะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดแต่มันต้องเสร็จตามนี้ ให้มันได้ตามแผนนี้แล้วมันจะแฮปปี้หมด ซึ่งแผนของผมเป็นแบบนี้ครับ สมมติเอาเรื่องความมั่นคงก่อนเลย อันที่หนึ่งคือ สมมติเราเดินทางเยอะวันหนึ่งเราตายขึ้นมาเราทำอย่างไร หนี้สิน 30 ล้านเราทำอย่างไรเราทำทรัพย์สินเราก็ทำ Balance Sheet ทั้งหมดเลยว่าสมมติในกรณีตาย ทรัพย์สินก้อนไหนจะมาเคลียร์หนี้ก้อนนี้ได้ทั้งหมดพอปลดหนี้แล้ว แม่ยังอยู่ เมียยังอยู่ ลูกยังอยู่ เงินก้อนไหนเข้ามาเสร็จปุ๊บ กรมธรรม์ของเราทั้งหมดมีแพ็คไหนบ้างซื้อเพิ่มมาเตรียมเลย ถ้าเราตาย เมีย ลูก แม่ น้องสาว ได้อะไร ที่ดินก้อนไหนแบ่งอย่างไรแล้วก็หุ้นของบริษัทปรับไปให้ภรรยาเลยเพราะฉะนั้นก็จบหมด แต่ยังไม่ตายนะครับ แม่ยังไม่ให้ตาย คือมันเตรียมให้พร้อมครับ อย่างน้อยสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำได้คือความมั่นคง มันมีความปลอดภัยอยู่ และเมื่อเราวางแผนไว้หมดแล้วเราก็จะมีเวลาพอที่เราจะบอกรักแม่ มีเวลาพอที่เราจะเล่นกับลูก มีเวลาพอที่จะดูแลภรรยา เรามีเวลาพอที่จะทำอะไรต่างๆในชีวิตและเรามีเวลาพอที่จะพัฒนาตัวเองกับงานที่มันเป็นฝันเราแล้วเราอยากทำมันมีเวลาพอหมดเลย เพราะเราไม่ต้องมานั่งกังวลแล้วโอเควันนี้เป็นอย่างนี้ แต่พอถึงเวลาช่วงหนึ่งเราก็มานั่งเช็กครั้งหนึ่งว่าสถานะตอนนี้เป็นอย่างไรทุกอย่างเป็นยังไง สถานะการเงินเราเป็นอย่างไร มันต้องแก้ตรงไหนหรือเปล่า ตรงไหนน่ากลัวอีกไหม ถ้าไม่มีก็โอเค คือผมว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำเลยนะครับ เพราะว่าไม่งั้นวันหนึ่งคนที่อยู่ข้างหลังต้องมานั่งรื้อว่าเรามีอะไรบ้าง หรือ ต้องทำอะไรบ้าง แต่ถ้าเราเตรียมไว้ทั้งหมดแล้วเราก็ใช้เวลาที่เหลือกับคนที่เรารักเลย ก่อนที่เราจะไม่มีเวลาใช้กับเขา ภาพ VTR ก้อย ภรรยา เอ๊าะ ก้อย : คืออยากขอบคุณเขาก่อนอันดับแรกนะคะว่า ขอบคุณที่เขาดูแลเรา ดูแลที่บ้าน ดูแลครอบครัวเราญาติพี่น้องเราทุกคนอย่างดี ตามที่เขาเคยบอกไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานนะคะว่า .. เราจะดูแลเธอให้ดีที่สุด ซึ่งในการใช้ชีวิตคู่คือมันมีปัญหาอยู่แล้วแหละไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่บ้าน เรื่องลูก หรือ อะไรก็แล้วแต่ว่าทุกครั้งก็คือต่างฝ่ายต่างก็พยายามที่จะมองข้ามแล้วก็ทำให้มันผ่านไปได้ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันตลอดไม่ว่าเราอยากจะทำงานอะไร อยากจะทำเรื่องอะไรก็ตามนะคะเขาก็จะแบบคอยสนับสนุน คอยแบบอยู่ข้างหลัง วันที่เราต้องไปทำงานนอกบ้าน วันที่เรายุ่งมากเขาก็จะบอกว่าแม่ออกไปเลยนะ ไม่ต้องห่วงลูกเดี๋ยวพ่อดูแลลูกเองวันนี้เราจะเป็นหลังบ้านให้เธอเราก็จะรู้สึกอุ่นใจที่เขาอยู่ข้างๆ ก็อยากขอบคุณเขามากๆ แล้วก็อยากให้เขาเครียดน้อยๆเพราะเขาเป็นคนที่ค่อยข้างที่จะจริงจังกับทุกอย่างนะคะ คือ ด้วยนิสัยคือ อยากทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดเราก็พยายามจะบอกเขาว่าโอเคแล้วเท่านี้ดีแล้ว ก็อยากให้เขาดูแลตัวเองเยอะๆด้วยเหมือนกันเพราะเขาเป็นคนที่ดูแลคนอื่นตลอดเลย ก็ขอบคุณพี่เอ๊าะ มากๆนะคะ แล้ว เอ๊าะ มีอะไรอยากจะบอก ก้อย บ้างเพราะคิดว่า ก้อย ก็น่าจะดู Club Friday วันนี้อยู่ เอ๊าะ กีรติ : ก็ขอบคุณ ก้อย มากๆที่ไม่ได้เป็นแต่ภรรยา แต่เป็นทุกอย่างที่ทำให้เวลามีค่ามาก แล้วก็ขอบคุณที่สู้ไปด้วยกัน เพราะตัวเขาเองก็มีปัญหาสุขภาพเยอะนะครับเขาเป็นธาลัสซีเมียแล้วก็มีโรคกล้ามเนื้อหลังอักเสบขาชาและยังมีอีกเยอะเลย แต่ก็ยังอดทนแล้วก็สู้ไปต่อขอบคุณที่เชื่อเราและสู้ไป ทำในสิ่งที่ ก้อย ไม่เคยทำจงทำให้ได้มากที่สุดถ้าทำแล้วมันไม่สำเร็จแต่เราก็ได้ทำ เชื่อเลยทุกครั้งที่ ก้อย ทำ เอ๊าะ อยู่หลัง ก้อย เสมอไม่ใช่เป็นแบ็คนะ แต่ซ่อนอยู่ในหัวใจก้อยครับ แค่ผมอยากเห็นเขามีความสุขเท่านั้นเองครับ อยากเห็นทุกคนในครอบครัวมั่นคง อยากเห็นทุกคนในครอบครัวรู้สึกปลอดภัย ผมแฮปปี้แล้วแค่นั้นเอง สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป : https://youtu.be/4gakbylLl2c https://youtu.be/STCctkTMGio https://youtu.be/uo_D6zT8haE https://youtu.be/0XS3-1XUJdc https://youtu.be/fNU7mez4lVk