จากกรณีที่ชาวบ้าน ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากมีกลุ่มบุคคล นำเต๊นท์มากางปักบริเวณข้างทางถนนหลักติดริมคลองระพีพัฒน์ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาทำให้รถยนต์วิ่งสวนกันไป-มา ด้วยความลำบาก ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าวันที่ 21 มิ.ย. 64 นายซุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ได้สั่งการให้นายอนุศักดิ์ ทองปรุง หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเต๊นท์บ บริเวณพื้นที่ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตามที่มีการร้องเรียน ปรากฎว่ายังไม่มีการรื้อถอนตามที่กลุ่มบุคคลนำเต๊นท์มากลาง และขออนุญาตในการก่อสร้าง เป็นการบุกรุกในทีราชพัสดุ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการ แจ้งผู้บุกรุกที่ก่อสร้างแล้วด้วยวาจา ให้ดำเนินการ รื้อย้ายออกไป โดยผู้บุกรุกขอผันผันเป็น ภายในวันอาทิตย์ที่ 20 มิย 64 แต่กลับไม่มาดำเนินการรื้อถอนออกไป นายอนุศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทำการติดประกาศหมายแจ้งเตือน เพื่อให้ เจ้าของสิ่งก่อสร้าง ดำเนินการรื้อย้ายออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว แต่ทางกลุ่มผู้ที่กระทำผิดยังไม่ดำเนินการ ทางกรมชลประทานจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ่าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย ซึ่งเป็นท้องที่ว่ามีผู้บุกรุกที่ราชพัสดุ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดซอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ โดยมิได้รับอนุญาตจากกรมชลประทาน ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2458 และ ฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 23 รรคแรก ซึ่งกำหนดว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้าง แก้ไข หรือต่อเดิมสิ่งก่อสร้าง หรือปลูกปักสิ่งใด หรือทำการเพาะปลูก รุกล้ำทางน้ำซลประทาน ซานคลอง เชตคันคลอง หรือเขตพนัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน" มาตรา 28 ซึ่งกำหนดว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งขยะมูลฝอย ซากสัตว์ ซากพืช เถ้าด่าน หรือสิ่งปฏิกูลลงในทางน้ำชลประทาน หรือทำให้น้ำเป็นอันตรายแก่การเพาะปลูกหรือการบริโภค ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยน้ำซึ่งทำให้เกิดเป็นพิษแก่น้ำตามธรรมชาติ หรือสารเคมีเป็นพิษลงในทางน้ำชลประทาน จนอาจทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานเป็นอันตรายแก่การเกษตรกรรม การบริโภค อุปโภค หรือ สุขภาพอนามัย"วรรคหนึ่ง มาตรา 30 หรือมาตรา 3 ต้องระวางโทษจำคุกไม่กินสามเตือนหรือปรับไม่กินสองพันบาท หรือ มาตรา 17 ซึ่งกำหนดว่ "ผู้ใดฝ่ฝืนมาตรา 23 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคหนึ่ง มาตรา 28 ทั้งจำทั้งปรับ"วรรคสอง "ผู้ใดผ่ฝืนมาตรา 24 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" นายอนุศักดิ์ กล่าวอีกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ในส่วนของชลประทาน ทำหน้าที่ติดหมายประกาศให้รื้อถอน เมื่อไม่มีการรื้อถอนก็ต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ