ชาวมหาชัย เดือดแห่ขึ้นโปรไฟล์แสดงพลัง ทวงคืนวัคซีนให้คนสมุทรสาคร นำทีมโดยสภาอุตฯสมุทรสาคร-สภาพหอการค้าจังหวัดฯ จ่อยื่นหนังสือติง ศบค.ฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศบค.) ได้ออกแถลงสถานการณ์ถึงกรณ๊การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งในการแถลงฯ ดังกล่าว ได้มีการแสดงข้อมูล เกี่ยวกับเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนในแต่ละจังหวัด โดยมีเป้าหมายให้บริการวัคซีน 10 ล้านโดส ในเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ปรากฏว่า ซึ่งเบื้องต้น จ.สมุทรสาคร ถูกจัดสรรให้จะได้รับวัคซีน เพียงแค่ 70,000 โดส ทั้งนี้เมื่อเทียบเท่ากับจังหวัดที่พบการแพร่ระบาดไม่รุนแรง ทั้งๆที่ผ่านมาทางจังหวัดก็มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ระลอกที่ 2 ขั้นรุนแรง จนถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม และสีแดงมาอย่างต่อเนื่องนั้น ในเรื่องนี้หลังจากที่ประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งหลังจากได้รับทราบข้อมูลก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพราะไม่พอใจกันแล้ว เพราะไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรวัคซีนมาให้ชาวสมุทรสาคร ที่มีเพียงจำนวนน้อยนิด หากเทียบกับสถานการณ์การระบาดของโรคที่ต้องเผชิญมานานกว่า 6 เดือนแล้ว อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ตามแผนที่รัฐบาลเคยตั้งเป้าไว้ ว่า ในเดือนกรกฎาคม 2564 ทางสมุทรสาครจะได้วัคซีน 330,000 โดส แต่กลับเหลือเพียง 70,000 โดส ทำให้พี่น้องประชาชนต่างเห็นว่า การจัดสรรนั้นไม่ยุติธรรมทั้งนี้จึงต้องได้ออกมาแสดงพลัง ถึงความต้องการเพื่อทวงคืนวัคซีน (ในการแสดงออกด้วยการเปลี่ยนโปรไฟล์ ใส่กรอบหน้า ลงเฟสบุ๊คส่วนตัว คือการประท้วงเพื่อ “ทวงจำนวนวัคซีนคืนให้คนจังหวัดเรา” และแสดงความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวตามลำดับ “ขณะที่ด้านภาคเอกชนนำโดย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดฯ และสภาหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ร่วมมือกันในฐานะเป็นตัวแทนของชาวสมุทรสาคร ในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่า จะเร่งไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ฐานะประธาน ศบค. เพื่อให้รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อรีบกลับไปทบทวนและพิจารณา ถึงความเป็นธรรมเรื่องการจัดสรรมั่วตามที่ปริมาณเราควรได้รับตามความจริงด้วย” นายชาธิป ตั้งกุลไพศาล ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า หลังจากทราบว่า จังหวัดสมุทรสาคร จะได้รับการจัดสรรวัคซีนเพียงแค่ 70,000 โดส จากเดิมที่เคยจะได้รับ 330,000 โดส ในเดือนกรฎาคม ทำให้เรามองว่าเกิดความไม่เป็นธรรมต่อการจัดสรรวัคซีนให้จังหวัดสมุทรสาคร เพราะที่ผ่านมาจังหวัดสมุทรสาครนอกจากจะต้องพบกับการระบาดของโรคที่สูงที่สุดของประเทศแล้ว ยังนับเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดยาวนานที่สุดอีกด้วย ซึ่งตามแผนเดิมที่เคยวางไว้นั้น หากเราได้รับวัคซีนตามจำนวนเดิมคือ เดือนมิถุนายน 56,000 โดส เดือนกรกฎาคม 330,000 โดส และเดือนสิงหาคมอีกประมาณ 160,000 โดส ก็จะทำให้การควบคุมโรคโควิด 19 ของจังหวัด เป็นไปอย่างครอบคลุมและทันท่วงที ประกอบกับเมื่อไว้วัคซีนทางเลือกเข้ามาเสริมอีก ก็จะทำให้เราสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 70 – 80 เปอร์เซ็นต์ทั้งในกลุ่มแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ แต่พอรัฐบาลมีการจัดสรรใหม่ตามที่ทราบกันแล้วนั้น ทำให้จังหวัดสมุทรสาครไม่สามารถควบคุมโรคได้ และจะก่อให้เกิดผลเสียหายตามมาอย่างมหันต์ ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจส่งออก และการควบคุมการระบาดของโรคที่เป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน หรืออาจนำไปสู่การระบาดของโรคโควิด 19 อย่างหนักหน่วงจนยากต่อการควบคุมได้ นายชาธิปฯ กล่าวเน้นย้ำว่า ทั้งนี้อยากให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศบค.พิจารณาเรื่องของการจัดสรรจำนวนวัคซีนให้กับสมุทรสาครใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อพื้นที่ ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่งออกได้อีกครั้งโดยเร็ว “หลังจากนี้ทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกับทางสภาหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร ก็เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาในประเด็นดังกล่าวซึ่งก็หวังว่าสมุทรสาครจะได้ข่าวดีที่รอคอยต่อไป”