จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 29 ปี อดีตพนักงานราชการ สำนักงาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของราชการเกือบ 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS เข้าบัญชีส่วนตัว พบการกระทำความผิด 165 ครั้ง อ้างว่านำเงินจากการทุจริตไปเล่นพนันออนไลน์ ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม มีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง พ้นการคุมขังจากเรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 หลังครบกำหนดฝากขัง 7 ผลัด รวม 84 วัน ความคืบหน้า วันที่ 20 มิถุนายน พ.ต.อ.เสมอ อยู่สำราญ ผกก. สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 7 ยังไม่มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 น.ส.ขนิษฐา หอยทอง จำเลยที่ 2 น.ส.สายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 61 ปี มารดา น.ส.ขนิษฐา และ จำเลยที่ 3 นางประชิต วงศ์ประภารัตน์ หัวหน้างานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หลังจากมีการเลื่อนนัดวันฟังคำสั่งฟ้องแล้ว 4 ครั้ง พ.ต.อ.เสมอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการฯขอให้พนักงานสอบสวนติดตามว่า มีการรายงานผลสอบสวนทางวินัยร้ายแรงกับข้าราชการระดับสูงในสำนักงานจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ ล่าสุดได้รับแจ้งจากจังหวัดว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงโดยกระทรวงมหาดไทย แต่ไม่ยืนยันว่าผลสอบสวนจะเสร็จสิ้นเมื่อใด จากนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งด้วยวาจาให้พนักงานอัยการฯทราบแล้ว ซึ่งคาดว่าก่อนสั่งฟ้องคดีนี้จะต้องรอผลสรุปการสอบสวนจากกระทรวงมหาดไทย แม้ว่า น.ส.ขนิษฐา จะให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาในคดีทุจริต ฯ นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับผิดชอบงานศูนย์ดำรงธรรม กล่าวว่า กรณีที่สื่อมวลชนสอบถามความคืบหน้าผลการสอบสวนทางวินัยผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เมื่อหลายเดือนก่อน ยืนยันว่าได้ส่งให้สำนักงานจังหวัดรายงานข้อเท็จจริง จากนั้นรายงานให้บังคับบัญชาในจังหวัดรับทราบแล้ว จากนั้นได้ส่งเรื่องไปถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่ขณะนี้จังหวัดยังไม่รับเอกสารชี้แจงความคืบหน้าหรือ ผลสรุปการลงโทษทางวินัยกับข้าราชการที่เกี่ยวข้อง มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายกิตติพงษ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง สรุปรายงานผลการสอบสวนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 จากนั้นได้แจ้งให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อสอบวินัยร้ายแรง ตามเอกสารหลักฐานที่ปรากฏ หลังพบการทุจริตตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ถึงเดือนมิถุนายน 2563 แต่ถึงปัจจุบันครบรอบ 1 ปี กระทรวงมหาดไทยยังไม่มีการชี้แจงความคืบหน้าในการสอบสวนแต่อย่างใด ขณะที่รายงานเบื้องต้นระบุว่า ผลสอบสวนระดับจังหวัด กรณีนี้ถือเป็นความบกพร่องของผู้เกี่ยวข้องทั้งนางประชิด และนางกัลยารัตน์ นิลอ่อน หัวหน้าสำนักงานจังหวัด หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในการเบิกจ่าย โดยหัวหน้างานการเงิน และหัวหน้าสำนักงาน ถือว่าอาจเข้าข่ายประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรง หลังจากมอบรหัสในการเบิกจ่ายงบประมาณให้ลูกจ้างเข้าถึงระบบเพื่อทำการทุจริตต่อเนื่อง 14 เดือน หากผลสอบทางวินัยมีความผิด จากนั้นจะสอบทางละเมิดหากพบว่ามีความบกพร่อง กรมบัญชีกลางได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการชดใช้ความเสียหายตามสัดส่วนที่กำหนด เพื่อคืนเงินให้ทางราชการครบทั้งหมด