อาถรรพ์บ้านเก่า ชาวกรุงเข้ามากว้านซื้อที่ดินหลุดจำนองธนาคาร ก่อนปลูกบ้านหลังใหม่ทับซากบ้านเดิม หลังสร้างแล้วเสร็จยังไม่ทันได้เข้ามาอยู่อาศัยถูกเพลิงเผาวอดหมดเกลี้ยงทั้งหลัง ด้านชาวบ้านข้างเคียงเผยได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องหลายครั้งก่อนมีประกายไฟลุกโชน ขณะตำรวจรอ จนท.พิสูจน์หลักฐานชี้ชัดหาสาเหตุ
วันที่ 19 มิ.ย.64 เวลา 02.30 น. ร.ต.ท.อภิวัฒน์ คำขำ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านไม่ทราบเลขที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.7 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ที่เพิ่งทำการก่อสร้างตบแต่งแล้วเสร็จไปเมื่อช่วงเย็นวานนี้ เพียงยังไม่ทันข้ามคืนโดยเจ้าของเป็นชาวกรุงเทพฯ และยังไม่มีคนเข้ามาพักอาศัยอยู่ภายใน จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถน้ำดับเพลิงจาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงมาทำการควบคุมเพลิง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านแบบคอนกรีตทรงสมัยใหม่รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบชั้นเดียว กว้างประมาณ 9 เมตร ยาวประมาณ 16 เมตร ถูกเพลิงลุกโหมออกมาจากภายในตัวบ้านจนโครงหลังคาทรุดตัวลง โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก อบต.เกาะขนุน เทศบาลตำบลเกาะขนุน รถน้ำจากบริษัทเอกชนใกล้เคียง และรถน้ำจากกำนันในพื้นที่จำนวน 4 คัน ร่วมกับรถน้ำ 4 ล้อขนาดเล็กจากอาสาสมัครดับเพลิงจิตอาสาอีก 1 คัน เข้ามาสมทบ
โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการควบคุมเพลิงเป็นเวลานานเกือบ 2 ชม. เพลิงจึงสงบลงเมื่อเวลา 03.30 น. พบภายในตัวอาคารซึ่งปลูกสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กได้รับความเสียหายทั้งหมด พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน สอบถามนางวิไล ศิริพงค์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141/4 ม.5 ต.เกาะขนุน ชาวบ้านข้างเคียง ซึ่งมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร จากจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ขณะที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้านได้ยินเสียงระเบิดขึ้น 2-3 ครั้ง
จึงได้ลุกขึ้นมามองดูทางหน้าต่างก่อนที่จะเห็นเปลวเพลิงเริ่มแผ่ประกายสีแดงฉานอออกมาจากประตูด้านหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นจึงได้ลุกลามโชติช่วงท่วมไปทั่วทั้งหลัง ตนจึงได้พยายามเรียกปลุก นายวิเวก ตะเภาทอง ผู้เป็นสามีซึ่งเหนื่อยล้ามาจากอาชีพรับจ้างปลูกมันสำปะหลัง ขึ้นมาช่วยดูแต่ทางฝ่ายสามีกลับไม่อยากจะลุก จึงได้วิ่งไปตามร้องเรียกเพื่อนบ้านที่เป็นญาติๆ กัน ให้ช่วยกันลุกขึ้นมาดูเหตุการณ์ และโทรศัพท์แจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและทางตำรวจ
แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ตนเองจึงได้บอกให้เพื่อนบ้านที่รู้จักและเคยพูดคุยกับทางเจ้าของบ้าน ซึ่งไม่ใช่คนในพื้นที่พยายามโทรศัพท์แจ้งไปบอกกับทางเจ้าของให้ทราบถึงเหตุที่เกิดขึ้น โดยทราบชื่อเจ้าของบ้านเพียง นายกฤษณะ เป็นชาวกรุงเทพฯ มีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่เพิ่งเข้ามาซื้อที่ดินที่หลุดจำนองจากทางธนาคารมาปลูกบ้านบนที่ดินแปลงนี้ เนื้อที่ประมาณกว่า 40 ไร่
โดยได้ทำการปลูกบ้านหลังใหม่ทับซากบ้านร้างหลังเดิม ที่มีเหลือแต่กำแพงคอนกรีตเก่าๆ เพียงครึ่งหลัง และไม่มีหลังคาจนกลายมาเป็นบ้านหลังใหม่ที่ถูกตกแต่งขึ้นมาจนดูดีสวยงาม และกลายเป็นบ้านทรงสมัยใหม่ทาสีตัวเรือนออกเทาๆ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ภายในอีกเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากที่ชาวบ้านพยายามช่วยกันโทรศัพท์ไปหายังทางเจ้าของบ้านนับร้อยสาย แต่ก็ไม่มีคนรับ
สำหรับบ้านหลังนี้ทางผู้เป็นเจ้าของใหม่ได้ใช้เวลาเข้ามาทำการปรับปรุงก่อสร้าง และตบแต่งเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา โดยนำคนงานมาทำการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก 20-30 คน และเพิ่งทำการก่อสร้างพร้อมตบแต่งแล้วเสร็จ และเพิ่งขนของนำเศษวัสดุออกไปพร้อมด้วยคนงานทั้งหมดเมื่อช่วงเย็นวานที่ผ่านมานี้เอง จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นภายในบ้าน เพราะเห็นว่าที่ประตูมีการปิดล็อกไว้อย่างแนนหนา จากเดิมที่ไม่ได้มีการล็อกประตูไว้เพราะมีคนงานอยู่
นอกจากนี้ตัวบ้านยังมีแนวรั้วที่ทำล้อมตัวบ้านไว้ต่ำๆ เพื่อให้ดูสวยงามด้วย จึงไม่มีใครเข้าไปใกล้มากนัก ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้เข้าไปพูดคุยตีสนิทอะไรกับทางเจ้าของบ้าน เนื่องจากเห็นเขาเป็นคนรวย แต่เราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จึงมีเพียงผู้ที่เข้ามาร่วมทำงานจัดหาวัสดุก่อสร้าง ซื้อปูนผงให้เท่านั้นที่จะเข้าไปพูดคุยด้วย นางวิไล กล่าว
ด้าน ร.ต.ท.อภิวัฒน์ ได้กล่าวบอกกับชาวบ้านไว้ว่า อย่าให้ใครเข้าไปใกล้ในบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จากกองกำกับการพิสูจน์หลักฐานฉะเชิงเทรา มาทำการตรวจสอบหาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป