หลังจากที่สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิง นำโดยนายปริญ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ประสานงานนำกลุ่มผู้ประกอบการอาชีพธุรกิจบันเทิง ธุรกิจกลางคืน ได้เข้ายื่นจดหมายผ่อนปรนมาตรการควบคุม 8 ข้อ อาทิ 1.ยกเลิกคำสั่งปิดสถานบันเทิงแบบเหมารวม โดยให้ปิดเฉพาะสถานประกอบการที่พบผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 14 วัน และให้ผู้มีส่วนเกี่ยว ข้องได้กักตัว 2.ข้อให้มีคำสั่งปลดล็อคเพื่อให้ธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงได้กลับมาเปิดบริการ และสามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยให้คงการปฏิบัติตามมาตรการคำสั่งของ ศบค.เพื่อรัก ษามาตรฐานการควบคุมโรค 3.ผ่อนปรนให้สามารถขายแอลกอฮอล์เพื่อบริโภคในร้านค้าได้ เนื่องจากไม่พบข้อ มูลบ่งชี้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยในการก่อโรค และ5.พิจารณาการจัดสรรฉีดวัคซีนให้ผู้ประกอบการ ผู้บริการ และ/หรือ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานประกอบการธุรกิจกลางคืน และธุรกิจบันเทิงโดยเร็ว ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจบันเทิงธุรกิจกลางคืน-ธุรกิจบันเทิง และกลุ่มอาชีพอิสระที่เกี่ยวข้อง หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดมาตลอดระยะเวลา 200 วันที่ผ่านมา ทำให้ต้องตกอยู่ในสภาวะตกงานและประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง
ด้าน นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขาสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่าส่วนตัวมองว่าการขอเปิดธุรกิจสถานบันเทิงนั้น หากเป็นจังหวัดที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงก็ยังไม่ควรเปิดให้บริการด้วยหวั่นว่าอาจจะเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ รวมไปถึงวิถีความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ได้ จะเห็นได้จากการที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการผ่อนปรนให้มีการเปิดให้บริการเช่นสถานศึกษาในบ้างพื้นที่แล้วพบมีเด็กนักเรียนติดเชื้อจากการไปโรงเรียนทำให้ต้องมีการปิดสถานศึกษาเป็นต้น ส่วนสถานบันเทิงที่อยู่ในพื้นที่หรือจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเลยควรจะมีการผ่อนปรนให้มีการบริให้บริการได้ เพื่อให้ผู้ประ กอบการ พนักงาน และแรงงานในสถานบันเทิงนั้นได้มีรายได้ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เคร่งครัด
อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังเป็นตัวแปรที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันการจัดสรรวัคซีนของพื้นที่ยังไม่เพียงพอต่อประชากร แรงงานภาคต่าง ๆ ตามเป้าที่รัฐกำหนดไว้ที่ 70 % เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ดังนั้นหากมีการเปิดดำเนินการธุรกิจก็ไม่มั่นใจว่าจะคุ้มกับการแพร่ระบาดได้หรือไม่ สำหรับสถานการณ์ในเมืองพัทยาในขณะนี้หลังนายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศว่าจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยนับถอยหลังอีก 120 วัน ผู้ประกอบการหลายภาคส่วนก็เริ่มมีความหวังในการเดินหน้าประกอบธุรกิจ เหมือนเริ่มมีแสงสว่างส่องลงมาของการต่อลมหายในของผู้ประกอบการ แต่เรื่องของการจัดสรรวัคซีนยังถือเป็นปัจจัยสำคัญอยากให้รัฐเร่งจัดสรรวัคซีนให้พื้นที่เมืองพัทยาโดยเร็ว เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพนักงานที่จะมาให้บริการ ก่อนเปิดประเทศตามแผนของรัฐบาลด้วยสถานบันเทิงในเมืองพัทยา 70% นั้นจะมีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และในปัจจุบันยังคงปิดให้บริการชั่วคราวอยู่แม้รัฐบาลจะมีนโยบายผ่อนปรนสามารถเปิดให้บริการได้ แต่ก็ยังคงต้องรอการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ส่วนผู้ประกอบการที่มีฐานลูกค้าเป็นคนไทยการระบาดตั้งแต่ระลอก 1-3 ก็ได้มีการปรับตัวให้บริการ เพื่อ ให้พนักงานได้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ส่วนการผ่อนปรนต้องค่อยๆขยับไปทีละธุรกิจเช่น ร้านอาหาร หรือร้านนั่งชิลแบบ outdoor ก็ควรจะมีการผ่อนปรนให้นั่งดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ได้
ด้าน นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขาสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่าส่วนตัวมองว่าการขอเปิดธุรกิจสถานบันเทิงนั้น หากเป็นจังหวัดที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงก็ยังไม่ควรเปิดให้บริการด้วยหวั่นว่าอาจจะเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ รวมไปถึงวิถีความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ได้ จะเห็นได้จากการที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการผ่อนปรนให้มีการเปิดให้บริการเช่นสถานศึกษาในบ้างพื้นที่แล้วพบมีเด็กนักเรียนติดเชื้อจากการไปโรงเรียนทำให้ต้องมีการปิดสถานศึกษาเป็นต้น ส่วนสถานบันเทิงที่อยู่ในพื้นที่หรือจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเลยควรจะมีการผ่อนปรนให้มีการบริให้บริการได้ เพื่อให้ผู้ประ กอบการ พนักงาน และแรงงานในสถานบันเทิงนั้นได้มีรายได้ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เคร่งครัด
อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังเป็นตัวแปรที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันการจัดสรรวัคซีนของพื้นที่ยังไม่เพียงพอต่อประชากร แรงงานภาคต่าง ๆ ตามเป้าที่รัฐกำหนดไว้ที่ 70 % เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ดังนั้นหากมีการเปิดดำเนินการธุรกิจก็ไม่มั่นใจว่าจะคุ้มกับการแพร่ระบาดได้หรือไม่ สำหรับสถานการณ์ในเมืองพัทยาในขณะนี้หลังนายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศว่าจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยนับถอยหลังอีก 120 วัน ผู้ประกอบการหลายภาคส่วนก็เริ่มมีความหวังในการเดินหน้าประกอบธุรกิจ เหมือนเริ่มมีแสงสว่างส่องลงมาของการต่อลมหายในของผู้ประกอบการ แต่เรื่องของการจัดสรรวัคซีนยังถือเป็นปัจจัยสำคัญอยากให้รัฐเร่งจัดสรรวัคซีนให้พื้นที่เมืองพัทยาโดยเร็ว เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพนักงานที่จะมาให้บริการ ก่อนเปิดประเทศตามแผนของรัฐบาลด้วยสถานบันเทิงในเมืองพัทยา 70% นั้นจะมีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และในปัจจุบันยังคงปิดให้บริการชั่วคราวอยู่แม้รัฐบาลจะมีนโยบายผ่อนปรนสามารถเปิดให้บริการได้ แต่ก็ยังคงต้องรอการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ส่วนผู้ประกอบการที่มีฐานลูกค้าเป็นคนไทยการระบาดตั้งแต่ระลอก 1-3 ก็ได้มีการปรับตัวให้บริการ เพื่อ ให้พนักงานได้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ส่วนการผ่อนปรนต้องค่อยๆขยับไปทีละธุรกิจเช่น ร้านอาหาร หรือร้านนั่งชิลแบบ outdoor ก็ควรจะมีการผ่อนปรนให้นั่งดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ได้