PRM โชว์แผนบริหารพอร์ตกองเรือสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รับแผนการเปิดประเทศและทิศทางอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตน้ำมันขาขึ้น มองจังหวะกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ กลุ่มธุรกิจ Offshore Support และกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ จะเป็นตัวขับเคลื่อนผลงานต่อจากนี้ นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ PRM ที่มีโครงสร้างธุรกิจและประเภทกองเรือที่มีความหลากหลาย ตลอดจนการบริหารงานที่มีความยืดหยุ่น บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากปัจจัยของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้บริษัทฯ มองว่ากลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจ Offshore Support หรือกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียมกลางทะเล จะเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจให้ PRM ต่อจากนี้ หลังจากรับเรือขนส่งในประเทศเพิ่ม 5 ลำ และเรือ Crew Boat เพิ่ม 13 ลำ เข้ามาประจำพอร์ตกองเรือของ PRM ภายหลังการเข้าซื้อกิจการกลุ่มทรูธ มาริไทม์ จากไทยออยล์ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจต่อเนื่องคือ เรือ VLCC ขนาดบรรทุกมากกว่า 300,000 DWT จำนวน 3 ลำ ที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศ จากการเป็นพันธมิตรในการให้บริการขนส่งปิโตรเลียมระยะยาวกับไทยออยล์ โดยเรือ VLCC ลำแรก ได้เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่กลางไตรมาส 2/2564 และจะทยอยให้บริการเพิ่มเติมอีก 2 ลำในปีถัดไป ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศที่มีเรือเข้ามาประจำการเพิ่ม เมื่อรวมกับกองเรือเดิม 30 ลำ ทำให้รวมในกลุ่มนี้มีจำนวนถึง 35 ลำ จะเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โดยเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน โดยบริษัทฯ ได้เตรียมวางแผนการดำเนินงานแก่กลุ่มธุรกิจดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการเติบโตและสร้างอัตราการทำกำไรที่ดีให้แก่ PRM ส่วนกลุ่มธุรกิจเรือ FSU นั้น ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้มั่นคงจากอัตราการใช้บริการเรือเต็ม 100% แม้ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขายเรือออกไป 1 ลำ ซึ่งถือเป็นทิศทางการดำเนินงานที่ปกติ เพื่อบริหารจัดการกองเรือให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของลูกค้า และยังเป็นจังหวะที่เหมาะสมเนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ สามารถบันทึกกำไรพิเศษจากกิจกรรมการดำเนินงานในครั้งนี้อีกด้วย “ปีนี้เราจะได้เห็นการปรับพอร์ตกองเรือที่มาจากการรับเรือของ TM และจัดหาเรือใหม่ให้สอดรับกับทิศทางอุตสาหกรรม โดยกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ กลุ่มธุรกิจเรือ Offshore และกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศ จะเข้ามามีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้บริษัทฯ ต่อไป”