เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 17 มิ.ย. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมทอล์กใน เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย โดย "Tony Woodsome" ใน Virtual Event : "CARE TO THE FUTURE ท่องเวลาหาทางออก" ในวาระพิเศษ ครบรอบ 1 ปี กลุ่มแคร์ มีอะไรที่พี่โทนี่ยังห่วงใย มีอะไรที่พี่โทนี่อยากแนะนำ มีอะไรที่กลุ่มแคร์จะทำต่อไป และสื่อสารอะไรต่อสังคม  โดยนายทักษิณ กล่าวตอนหนึ่งว่า ทางกลุ่มแคร์มารวมตัวกัน เป็นการจุดประกายความคิดให้กับสังคมไทย ในยามที่สังคมไทยถดถอยมาก ภาวะวิกฤติของโรคระบาดโควิด-19 ทางกลุ่มแคร์ก็ต้องรวมตัวกันเพื่อเสนอทางออกประเทศไทย ช่วงนี้ก็มีการเคลื่อนไหวเสนอแนวคิดต่างๆ ไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน ของประเทศ เรื่องของแนวทางประเทศ ความยากจน เรื่องของรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ขอชื่นชม เห็นว่าต้องนี้จะรวมนักการศึกษา เข้ามาช่วยกันคิดเรื่องของการศึกษา คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และตนก็ได้รับเชิญมาออกรายการคลับเฮาส์อีก ซึ่งก็ยินดีเต็มใจที่จะให้ความคิด ความหวังกับประชาชนในยามนี้ ต้องยอมรับว่ายามนี้บ้านเมืองเรา ค่อนข้างจะไม่มีทางออกที่ชัดเจน เช่นเรื่องง่ายๆ อย่างเช่นการจัดการวัคซีน ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยาก จนทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย จนทำให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนได้ รวมถึงเรื่องของผลข้างเคียงต่างๆของวัคซีน ก็ไม่พิสูจน์ที่จะอธิบายให้ประชาชนทราบชัดเจนว่า มันมีโอกาสที่เกิดขึ้นต่ำมากหรือน้อยมาก หรือว่ามันเกิดมาก เพราะข่าวที่ออกมามันก็เลยทำให้คนสับสน คนไม่มั่นใจและวัคซีนที่เราใช้ต้องยอมรับว่า น่าจะมีมีวัคซีนทางเลือกที่มากกว่านี้ แต่ก็ยังดีที่มาช้าดีกว่าไม่มา แต่ที่เป็นห่วงคือเรื่องชาวบ้านไม่มีจะกิน ซึ่งเรื่องนี้กลุ่ม Care ชี้ให้เห็นว่า 150 วันอันตรายเป็นอย่างไร และวันนี้ต่อไปนี้เป็นอย่างไร ซึ่งก็มีข้อเตือนใจว่า กลางปีนี้หนี้สินต่อจีดีพี เราจะขึ้นมาทะลุ 60 เป็นการกำหนดวินัยการคลังไว้ ทางรัฐบาลก็คงจะแก้ไม่ให้ผิด ผิดในเรื่องวินัย ถ้าไปแก้ก็ไม่ช่วยอะไร สิ่งเหล่านี้กลุ่ม Care ได้พูดถึงตลอดเวลา ซึ่งกลุ่ม Care ทำไปเยอะ แต่เน้นเรื่องกรุงเทพฯ ขณะที่ปัญหาเกิดขึ้นทั้งประเทศ โดยเฉพาะต่างจังหวัด แต่เรายังไม่ได้รับฟังปัญหาหรือทุกข์สุขเท่าที่ควร ต้องยอมรับว่ารัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยเฉพาะนายกฯก็จะสนใจความปัญหาของประชาชนน้อยมาก ใครถามมากก็จะดุเอา ดังนั้นกลุ่ม Care ต้องไปพบปะกับคนในต่างจังหวัดบ้าง เพราะการรับฟังกับคนที่เจอปัญหาจริงๆ แล้วนำมานั่งคุยกับกลุ่มนักวิชาการ หาทางออกให้ประชาชน บางทีรัฐบาลอาจจะฟังแต่ไม่พูด ขณะที่เอกชนนำไปทำ เราไม่หวังเอาหน้าแต่หวังช่วยประชาชน หากรัฐบาลคิดไม่เป็นเราก็ต้องช่วยกันสะท้อน ซึ่งกลุ่ม Care ควรไปพบปะประชาชน ในภาคเหนือ อีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง ตะวันตก ใต้บ้าง เพื่อจะได้รู้ปัญหาแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันคือหนี้สินเยอะ เงินไม่มี เพราะหนี้ต่อจีดีพีทะลุ 90 วันนี้จึงเป็นเรื่องที่เราต้องรับฟังปัญหา เพื่อสะท้อนปัญหาให้ประชาชนถึงรัฐบาล วันนี้รัฐบาลถ้าไม่ปรับ ถึงเวลาแจกเงินประชาชน อาจจะถนัดเรื่องการแจกเงิน กู้แล้วทะลุเพดานก็กู้อีก แล้วแจกเงิน เราก็จะอยู่กับ กับดักหนี้ ดังนั้นต้องปรับปรุงเรื่องหนี้ของประชาชนโดยเร็ว วันนี้เป็นห่วงมากคือโลกพัฒนามาก แข่งขันมาก วันนี้ยุโรปเรื่องโควิดยังแก้ไม่หาย แต่จะเปิดประเทศ บางประเทศก็เปิดประเทศไปแล้วเมื่อ 9 มิ.ย. บางประเทศส่วนใหญ่เปิด 1 ก.ค. เขาเน้นเรื่องวัคซีนพาสปอร์ต คือได้ฉีดวัคซีน 2 เข็มเกิน 14 วัน ก็ยินดีต้อนรับทุกที่ บางทีของแถมเรื่องตรวจโควิด หากเป็นลบก็ให้เข้าได้ ซึ่งเขาทนไม่ไหวกับเศรษฐกิจที่แย่ ของเราจริงจังได้แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นนานกว่านี้ประชาชนลำบาก ถึงแจกตังค์ก็ไม่พอ ต้องรีบเตรียมตัวเปิดประเทศได้แล้ว โควิดไม่ไปไหนจะอยู่กับเราเหมือนไข้หวัด แต่วันนี้เขากำลังรอวัคซีนที่ได้ผล และเรื่องยารักษา วันนี้ที่อิสราเอลก็มียาฉีด อาการหนักฉีดไป 5 เข็มออกจาก รพ.เฉย ยากินก็เริ่มทำแล้ว ซึ่งถ้ามียากิน วัคซีน ตอนนี้ก็ถือว่าโควิดเริ่มเชื่องแล้ว วันนี้เราต้องเตรียมตัวว่า ไม่นานโควิดเหมือนไข้หวัดที่มียารักษา มีวัคซีน ภูมิคุ้มกันหมู่ เศรษฐกิจก็ต้องเตรียมตัวเปิดไปพร้อมๆกัน ถ้าไม่เตรียมก็สู้เขาไม่ได้ ดังนั้นกลุ่ม Care จะแนะนำรัฐบาลอย่างไร และจะให้ประชาชนอยู่รอดได้อย่างไร ในยุคที่กำลังเปลี่ยนไป ดังนั้นนี่คือเป็นการบ้านของรัฐบาล วันนี้การเตรียมตัวข้างหน้าเราไม่ได้เตรียมตัวเลย การศึกษาของเราไปไม่ได้แล้วไม่ทันโลก ต้องปรับระบบการศึกษาครั้งใหญ่เลย ตั้งแต่ประถม ถึงมหาวิทยาลัย วิชาการเกิดความรู้ใหม่ในโลกนี้อย่างรวดเร็วมาก เราจะปล่อยให้ประเทศไทยถอยไปโบราณอย่างนี้ ปัญหาคือเศรษฐกิจจะพัง แล้วคนไทยจะจนลง กำลังซื้อเราก็จะตกต่ำ ถ้าเราเป็นอย่างนี้ไม่คิดจะพัฒนาตัวเองให้ทันโลก เราก็จะไม่สามารถดูแลประชาชนของเราได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกมีผลต่อทุกประเทศ การจะเป็นรัฐบาลไม่ใช่ใครจะเป็นได้ เป็นนักการเมืองเดิมๆ เอาทหารมา มันไม่พอ สมัยก่อนที่พอเพราะระบบราชการแข็งแรง แต่ปัจจุบันโลกเชื่อมโยงกัน ระบบราชการอ่อนแอเพราะขาดการพัฒนา ดังนั้นความเก่งของระบบราชการมันจะล้าหลัง เพราะฉะนั้นที่มาโดยคะแนนเสียงมันไม่พอ ต้องเอาความรู้ติดตัวมาเพื่อมาแก้ปัญหาบ้านเมือง ดังนั้นฝากกลุ่ม Care เอาความเห็นของชาวบ้านมา แล้วลองมารวมกันว่าเขาทุกข์เรื่องอะไร และแก้ปัญหาอย่างไรให้เขาได้ ระบบการศึกษา เทคโนโลยีจะว่าอย่างไร ระบบการเงินประเทศจะปรับปรุงอย่างไร อย่าลูบหน้าปะจมูกเราถึงจะนำพาประเทศไปได้ และควรเสนอทางออกให้รัฐบาลให้ดังๆ แม้รัฐบาลจะไม่เอา แต่เอกชนอาจตื่นตัว ว่าอะไรคือสิ่งที่คุกคามธุรกิจของตัวเอง จะได้ปรับตัวให้กับธุรกิจเองหากไม่ปรับตัวก็จะพัง