นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่าจากการที่นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้า “เดิมพันเปิดประเทศภายใน 120 วัน” นับเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของเศรษฐกิจเป็นการเดินหน้าระหว่างระบบสาธารณสุขไทยกับทิศทางเศรษฐกิจที่เดินหน้าไปพร้อมกันเป็นครั้งแรกและมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นการเร่งเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศจะเป็นสัญญาณที่กระตุ้นให้ภาคเอกชนรวมถึง SME ที่นับเป็นฟันเฟืองสำคัญของประเทศเริ่มมีเป้าหมายชัดเจนขึ้น
สำหรับแสนสิริ เราเดินหน้า Speed to Market อยู่ตลอดเวลา มีแผนพร้อมรับการกลับมาเปิดประเทศ และการฟื้นตัวของเมืองท่องเที่ยวทั้งหัวหิน พัทยา ภูเก็ตหาดใหญ่ เชียงใหม่ เชียงราย เต็มสปีด เรามีที่ดินพร้อมแผนเปิดตัวโครงการ รอแค่การเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง เราก็จะออกวิ่งได้ก่อน
นอกจากนี้ แสนสิริยังมองแง่บวกถึงทิศทางข้างหน้า และต้องปรับตัวให้เร็ว รองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาด ก่อนเปิดประเทศและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นเพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร ทั้งนี้จากการที่แสนสิริแข็งแกร่งด้วย Cash flow Strategy จากการบริหารจัดการสต็อคที่อยู่อาศัยที่ดี ทำให้บริษัทมีสต็อกบ้านเดี่ยวเพียงพอ ซึ่งหากสถานการณ์กลับมาฟื้นตัวแสนสิริจะมีที่อยู่อาศัยที่พร้อมรองรับความต้องการจากลูกค้าได้มากที่สุด แสนสิริยังมียอดรอรับรู้รายได้ (Presale Backlog รวมโครงการร่วมทุน)รองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 3 ปี อีกถึง 28,000 ล้านบาท โดยเป็น Backlog และยอดรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสแรกที่ Secure เป้ารายได้ ในปีนี้ไปแล้วถึง 77%เหลือที่ต้องทำอีกเพียง 23% ในครึ่งปีหลัง ก็จะทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้ พร้อมยังมีสภาพคล่องในมือีกกว่า 15,000 ล้านบาท ที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินที่เปรียบเหมือนภูมิคุ้มกันอย่างดีที่ช่วยให้แสนสิริหล่อเลี้ยงธุรกิจโดยไม่สะดุดในทุกสถานการณ์
“ผมเชื่อว่า เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4 รวมถึงเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยวที่จะเริ่มฟื้นตัว นี่ไม่ใช่แค่ความหวังแต่คือความจริง ต่างชาติจะกลับมาภาคเอกชนในธุรกิจต่างๆ จะเร่งพลิกฟื้นธุรกิจภายหลังจากที่ประเทศต้องฝ่าวิกฤตโควิด–19 มามากกว่า 1 ปี ขณะที่ศักยภาพเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไปจะพร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ ให้กลับมาคึกคักและสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งอีกครั้ง ทั้งนี้จากแบรนด์ที่แข็งแกร่งของแสนสิริและความเชื่อมั่นของลูกค้าบริษัทได้วางเป้าหมายยอดขายและยอดโอนไว้ที่ 31,000 ล้านบาท จากการเปิดตัว 24 โครงการ มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาทในปีนี้ รวมทั้งจากสัญญาณที่ดีของการเปิดประเทศภายใน 120 วันแสนสิริยังได้เล็งปรับแผนธุรกิจ พร้อมเป้าหมายยอดขาย และยอดโอนใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะประกาศให้ทราบต่อไป สำหรับผลการดำเนินงานของแสนสิริคาดว่ายอดโอนครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 16,500 – 17,000 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 50% ของเป้าหมาย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้าหรือดีกว่าเป้าที่วางไว้หากมีการเปิดประเทศจริงและนักท่องเที่ยวกลับมาได้ จากความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติ ที่มองว่าเมืองไทยปลอดภัย มีระบบสาธารณสุขที่ดี และมีแนวโน้มความต้องการซื้อคอนโดเป็นบ้านหลังที่ 2 หรือเป็น Safe Heaven เพิ่มขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 3 บริษัทวางแผนเปิด 9 โครงการใหม่ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และแนวราบ 7 โครงการนอกจากนี้ไตรมาส 4 บริษัทวางแผนเปิดตัวอีก 11 โครงการใหม่ เป็นโครงการแนวราบ 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ กระจายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอาทิ เชียงใหม่ รวมถึงการโอนคอนโดมิเนียม EDGE เซ็นทรัล - พัทยา เป็นต้น ทั้งนี้ แสนสิริได้เตรียมพร้อมรับดีมานด์ที่พุ่งขึ้นสูงขึ้นจากการเปิดประเทศโดยนำร่องเปิดตัว THE MUVE ราม22 และบางนา พร้อมการขายในตลาดต่างชาติเมื่อเปิดประเทศในไตรมาส 4 โดยเชื่อว่าการเปิดตัว 5 คอนดิเนียมใหม่ในไตรมาส 4ที่วางแผนเปิดตัว รวมทั้ง EDGE เซ็นทรัล-พัทยาที่กำลังจะโอน จะได้รับความสนใจจากต่างชาติอย่างมาก