"สามมิตร"ขยับ! แกนนำเตรียมเข้าพบ "บิ๊กป้อม" ด้าน "อนุชา"ปัดไม่จริงข่าวไขก๊อก "เลขาฯพปชร." เปิดทาง"ธรรมนัส" เสียบแทน ส่วน "มาดามเดียร์" ปฎิเสธ "ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์" ย้ายพรรค รับมีคนทาบทาม ชี้ ไม่ใช่เวลาคิด ขอเดินหน้าทำงานช่วยปชช. "เพื่อ ไทย" ถามส.ว.กลัวอะไรคว่ำร่างแก้รธน. "ฝ่ายค้าน" อัดไม่ให้เกียรติปชช. "ชลน่าน"หวังส.ว.รับร่างแก้ไข รธน. มาตรา 256 ระบุหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านเสนอไม่กระทบ ส.ว. "พี่เต้" เหน็บ "บิ๊กตู่" หน้าบาน ได้ยินส.ว.ประกาศคว่ำร่างรธน.ฝ่ายค้านทุกฉบับ "ธนาธร-ปิยบุตร" ปลุกปชช.ลงชื่อร่างรื้อ "ระบอบประยุทธ์"
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่จ.ขอนแก่น ในวันที่ 18 มิ.ย. ว่า ในการประชุม ต้องจับตาวาระการเสนอปรับโครงสร้าง กรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่เตรียมผลักดันให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แทน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยแนวทางขั้นตอนที่สามารถดำเนินการปรับเปลี่ยนได้คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.ลาออก เพื่อให้กรรมการบริหารพ้นสภาพทั้งคณะ และให้แกนนำเสนอเลือกชุดใหม่ให้สมาชิกรับรอง หรือเจรจาให้นายอนุชาลาออกด้วยตัวเอง เพื่อเลือกบุคคลอื่นมาแทน เช่นเดียวกับตำแหน่งกก.บห.ที่ว่างลง เนื่องจากสมาชิกขอลาออกไปก่อนหน้านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มสามมิตร โดยทางแกนนำได้เตรียมเข้าพบ พล. อ.ประวิตรที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ และมีแนวโน้มสูงที่จะยอมหลีกทางให้ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาเป็นเลขาฯพรรค โดยมีรายงานข่าวว่านายอนุชาจะขอลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคในวันเดียวกันนี้
ขณะที่ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ายื่นลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคว่า ณ เวลานี้ ยังไม่มีการลาออก ส่วนกระแสข่าวเรื่องการลาออกนี้มีมาหลายวันแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติที่มีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรค แต่คงต้องแล้วแต่สมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค และหัวหน้าพรรคที่จะตัดสินใจอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะไม่มีใครชี้นำได้ ทั้งนี้วาระการประชุมในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ไม่มีวาระการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกรรรมการบริหารพรรค ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรมาจากหัวหน้าพรรค แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค ส่วนตัวยังเดินหน้าทำงานให้พรรคต่อไป เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งต่อไป
เมื่อถามว่า กระแสข่าวการลาออกเป็นการเขย่าหรือกดดันเพื่อบีบให้ลาออกหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น และมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เชื่อว่าหัวหน้าพรรคยังมีบารมีที่จะเดินหน้าพรรคไปได้ด้วยดี และยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งภายในพรรคแต่อย่างใด
ส่วน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. และแกนนำกลุ่มดาวฤกษ์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ถึงกระแสข่าวย้ายพรรคของ นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขตหนองจอก พรรคพปชร. ว่า เรื่องดังกล่าวนายศิริพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง เป็นปัญหาภายในของทาง นายสำราญ ตลับเพ็ชร์ หัวหน้าสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขตหนองจอก กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเขาจะออกไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น แต่สาเหตุที่นายศิริพงษ์ถูกนำเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น นายศิริพงษ์ได้โทรไปถามนายสำราญ ก็ยังได้คำตอบที่ไม่ชัดเจน ทราบเพียงว่ามีปัญหาภายใน และเรื่องอนาคตทางการเมืองที่นายสำราญจะหันไปเล่นการเมืองท้องถิ่น จึงไม่ทราบจริงๆ ว่าสาเหตุมาจากอะไร
"ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ทุกคน วันนี้ยังเป็นส.ส.ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ไม่ทราบจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงมีเหตุการณ์ในลักษณะที่นายสำราญออกมาให้สัมภาษณ์ แต่ขอยืนยันพวกเราไม่ได้คิดเรื่องย้ายพรรค เพราะเวลานี้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากวิกฤติโควิด-19 ทั้งเรื่องวัคซีนและช่วยชาวบ้าน"
เมื่อถูกถามว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคใหม่อย่างพรรคของ 4 กุมารก็มามาจีบ พรรคกล้าก็มาจีบ จะไม่ใจอ่อน ใช่หรือไม่ น.ส.วทันยา ระบุว่า จริงๆไม่ใช่การมาจีบ แต่ไม่ว่าจะเป็น นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน และนายกร ณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ที่ตนเคารพและชื่นชมการทำงาน ถือเป็นคนที่รู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว การถามไถ่สารทุกข์สุขดิบและถามไถ่เรื่องการทำงานก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการคุยกันเรื่องการย้ายพรรค
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมี ส.ว.ออกมาระบุว่าจะรับพิจารณาเฉพาะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมของพรรค พปชร.ว่า ต้องถามกลับไปที่ ส.ว.ว่าคิดทบทวนดีหรือยัง และเหตุผลคืออะไรช่วยอธิบายสังคมด้วย เพราะร่างของพรรค พปชร.และร่างของฝ่ายค้านเหมือนกันเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะระบบเลือกตั้ง รวมถึงหมวดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แสดงว่าไม่ได้ยึดหลักการ แต่ยึดหน้าคน และยึดฝ่าย เพราะเป็นเรื่องเดียวกันแต่เลือกที่จะรับ ส่วนร่างหนึ่งของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่แตกต่างจากพรรค พปชร.คือเสนอการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.และเป็นร่างเดิมจากที่เคยยื่น ซึ่ง ส.ว.และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็เคยรับหลักการร่างนี้ที่เราร่วมคิดกันมา คือ เมื่อรับหลักการแล้ว ในชั้นแปรญัตติทาง ส.ว.ก็ร่วมแปรญัตติแ ละเห็นชอบในวาระที่ 2 เรียบร้อย วันนี้พรรคฝ่ายค้านจึงนำสาระของวาระที่ 2 มายื่นอีกครั้ง
"วันนั้นส.ว.บอกเองว่าถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับก็ต้องไปทำประชามติและตำหนิเราว่าไม่ถามประชาชนก่อน ดังนั้นวันนี้เรากำลังเข้าสู่กระบวนการถามประชาชนนั้น คือการเสนอร่างเข้าสภาฯ ในชั้นรับหลักการ วาระที่ 1 จากนั้นก็จะไปทำประชามติตามที่ส.ว. รัฐบาลและศาลแนะนำ ดังนั้นจะมาปฏิเสธก่อนถามประชาชนได้อย่างไร ทำ ไม ไม่ปล่อยให้ร่างนี้ให้ประชาชนได้ลงประชามติ ว่าจะแก้ไขหรือไม่ หรือ ส.ว.จะกลัวเสียงประชาธิปไตย เพราะถ้าประชาชนไม่ให้ผ่านมันก็ไม่ได้แก้ แต่ถ้าไม่กลัวก็ขอให้รับ และทำประชามติ ส่วนร่างอื่นๆที่เสนอก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงสร้างอำนาจส.ว. และมีดีกับประชาชนทั้งนั้น ยืนยันว่าเราไม่ได้แก้เพื่อตัวเอง หากส.ว.มีธงในใจแล้วก็บอกมาตรงๆ และการพูดแบบนี้เกรงใจไม่ให้เกียรติประชาชน คนเราต้องมีความอายระดับหนึ่ง
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เข้าใจว่าคนที่พูดเป็นส.ว.คนหนึ่งที่มีวิธีคิดแบบนั้น ไม่ใช่แนวคิดของ ส.ว.ทั้งหมด 250 คน แต่ส่วนตัวยังมั่นใจว่าส.ว.หลายคนจะตัดสินใจ โดยยึดความต้อง การของประชาชนเป็นหลัก ดังนั้น โอกาสที่จะผ่านความเห็นชอบทั้ง 14 ร่าง คงต้องดูข้อเท็จจริง ว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองหรือไม่ ทั้งนี้ตนยังมั่นใจว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 จะได้รับโอกาส
"หลายเรื่องที่เราเสนอไม่กระทบ ส.ว. และการที่เราจะเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามภายใต้รัฐธรรมนูญเดิม เราจะยังหนีวงจรอุบาทว์ไม่พ้น ดังนั้นอะไรที่ไม่ดีในรัฐธรรมนูญนี้ ถ้าแก้ได้ก็ควรต้องแก้"
ด้าน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า "สว.จะคว่ำร่างแก้ รธน.ปมตัดอำนาจโหวตนายกฯ และคว่ำทุกฉบับของฝ่ายค้าน จะโหวตผ่านฉบับ พปชร.เท่านั้น นายกฯได้ฟังคงชื่นใจ ยิ้มหน้าบาน เพราะจิ้มมากับมือ ส่วนประชาชนเจ้าของอำนาจจริงจะคิดอย่างไรกัน"
ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ร่วมจัดรายการเฟซบุ๊กไลฟ์วาระพิเศษทางเพจ คณะก้าวหน้า-Progressive Movementในหัวข้อ "สถานการณ์ฉุก เฉิน! ระบอบประยุทธ์กำลังสืบทอดอำนาจรอบ 2" โดยเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราฉบับรื้อระบอบประยุทธ์ ที่จัดทำโดยกลุ่ม Re-Solution