วันที่ 17 มิ.ย.64 นายสุชาติ ธาดาธํารงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตน ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาหนี้สินประชาชนด้วยการเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำ เพราะจะทำให้ประชาชนที่ยากจนเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีก การแก้ไขหนี้สินของประชาชนต้องทำให้ประเทศเจริญเติบโตมากๆ ให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้ดีๆ จะทำให้ประชาชนลดหนี้ลงได้ และมีเงินเก็บออมเพื่ออนาคต จึงไม่เห็นกับโครงการแจกเงินต่างๆ ของรัฐบาลหลายรูปแบบ ที่ให้ประชาชนเอาเงินตนเองมาใช้ แล้วรัฐบาลสมทบให้อีกส่วนหนึ่ง เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพราะเป็นการลดการออมและเพิ่มหนี้ประชาชน รัฐบาลควรมีนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความรู้จริง มาดูแลปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ด้วยการกระทำของรัฐบาลเอง เพราะหากรัฐบาลเดินแบบผิดทิศทาง เดินตรงข้ามเลยเช่นปัจจุบัน ประเทศจะล้มละลาย ประชาชนจะยากจนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว
นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องขออภัย ที่จะพูดว่า วิธีการคิดของรัฐบาล มักตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรจะทำอยู่เสมอ การบริหารประเทศ ผู้นำต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในชาติ รวมถึงนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ การพูดอะไร ต้องใช้ความรู้จริง มิใช่ความรู้สึก การพูดแบบไม่คิด ไม่มีองค์ความรู้ และไม่ไตร่ตรอง นอกจากจะทำให้ผู้คนเห็นว่ารัฐบาลขาดสติปัญญาแล้ว ยังเป็นการทำลายความเชื่อมั่นอย่างร้ายแรง ทำให้ไม่มีใครมาลงทุน และที่ลงทุนอยู่แล้วก็ย้ายออกไปประเทศอื่น ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำมากในช่วงปฏิวัติรัฐประหารตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปลายปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในช่วงเดือนเมษายน 2564 ด้วยการกระทำของคนในรัฐบาลเอง แทนที่รัฐบาลจะรีบกระจายการฉีดวัคซีน กลับสั่งปิดธุรกิจ สั่งหยุดกิจกรรมอีก ไม่ให้ประชาชนทำมาหากิน ครั้งแล้วครั้งเล่า จนฐานะของประชาชนย่ำแย่ลง เมื่อสั่งให้คนหยุดทำงาน แล้วรัฐบาลไปออก พรก.กู้เงิน 2 ฉบับ รวมกันเป็นเงิน 1.5 ล้านล้านบาท โดยเงินส่วนใหญ่นำมาแจก ในหลากหลายรูปแบบ เสมือนหนึ่งซื้อเสียงล่วงหน้า อุปมาเหมือนครอบครัวที่ยากจน ไม่ให้ใครออกไปทำงาน แต่หัวหน้าครอบครัวไปกู้เงินมาแจก มากิน มาใช้ จนหนี้รัฐบาลท่วมท้นนั้น เป็นวิธีการบริหารประเทศของคนขาดสติ เช่นเดียวกัน ความคิดที่ให้ประชาชนถอนเงินออม ออกมาใช้ แล้วรัฐบาลเติมเงินให้ (ซึ่งไม่เกี่ยวกับโควิด-19 เลย) มีทำกันที่ เวเนซูเอล่า ซิมบับเว ผลก็คือ ประเทศล้มละลาย
นายสุชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ประชาชนไทยยากจนลงไปเป็นจำนวนมากแล้ว ด้วยการสั่งปิดประเทศ ปิดกิจกรรมแบบพร่ำเพรื่อ สั่งวัคซีนมาน้อย เพราะคิดว่าไม่จำเป็น ฉีดวัคซีนก็ช้า ส่งเสริมวัคซีนเพียง 2 ยี่ห้อ ที่มีประสิทธิภาพน้อย แต่ซื้อมาในราคาแพงกว่าวัคซีนดีๆ หนี้สินครัวเรือนจึงเพิ่มขึ้นเร็วมาก เป็นกว่า 90% ของ GDP แล้ว รัฐบาลแก้ไขโดยสั่งการให้ควบคุมดอกเบี้ย ปรับโครงสร้างหนี้ แต่ที่แย่ คือ ให้เพิ่มโรงรับจำนำ ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่ควรจะทำ เพราะจะทำให้ประชาชนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น ในเวลานี้ การที่จะฟื้นเศรษฐกิจประเทศไทย ฟื้นฐานะความเป็นอยู่และลดหนี้สินของประชาชน คือ การเร่งฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง รวดเร็ว เลิกกู้เงินมาแจก เลิกสั่งหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้คนไทยได้ทำงานมีรายได้