ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรม คาดว่า ตลาดต่างประเทศจะกลับมาอีกครั้งในเดือนตุลาคม ซึ่งจะเป็นเฟส 2 ของนโยบายแซนด์บ็อกซ์ ที่จะเปิดเมืองภูเก็ต เป็นที่แรก ในขณะที่เมืองท่องเที่ยวหลักๆ อย่างกระบี่ พัทยา และเชียงใหม่ แม้นโยบายแซนด์บ็อกซ์ จะยังไม่คืบหน้า แต่ทุกภาคส่วนในแต่ละเมืองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาหนทาง เพื่อสามารถเปิดเมืองให้ได้ในช่วงสิ้นปี 2564 แผนสำรองเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่ง นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ที่ปรึกษาสมาคมสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้กล่าวถึงการเปิดเมืองให้ทันฤดูท่องเที่ยวภายในเดือนสิงหาคมนี้ ว่า การเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวหรือ Sand Box ในพื้นที่ 2 อำเภอหลัก คือพัทยา และสัตหีบ อาจจะไม่สามารถควบคุมการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้ ด้วยความแตกต่างทั้งทางด้านภูมิประเทศ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมนักท่องเที่ยว จึงทำให้แผนเปิดเมืองพัทยารับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ดังนั้นจึงได้นำเสนอแผน Pattaya move on ที่จะยกระดับขึ้นจากโครงการ Sand Box ใน จ.ภูเก็ต เพื่อทำให้เมืองพัทยา สามารถเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบ Soft opening ในช่วงเดือนสิงหาคม และกันยายน ไปก่อนในลักษณะ Seal Route ควบคุมนักท่องเที่ยวต่างชาติตามเส้นทางที่กำหนด เพื่อดูปัญหาอุปสรรคก่อนจะเปิดเมืองจริงในเดือนตุลาคม2564 ต่อไป ตั้งเป้าแซนด์บ็อกซ์ในช่วงสิ้นปี ขณะที่จังหวัดกระบี่ซึ่งก่อนการระบาดของโควิด-19 มีลูกค้าเข้าพักถึง 4,186,069 คน ในปี 2562 โดยกลุ่มนักเดินทางจากจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็น 14% รองลงมาคือตลาด ยุโรปที่มีส่วนแบ่ง 27% โดยเฉพาะจากสหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศส ดังนั้น จึงเชื่อมั่นจะเข้าสู่นโยบายแซนด์บ็อกซ์ ต่อจากจังหวัดภูเก็ต ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ โดยรายงาน Krabi Hotel Market Update ของ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ ระบุข้อมูลว่า ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เกือบครึ่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในจังหวัดกระบี่มาจากต่างประเทศ แต่ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดและปิดประเทศ สนามบินของจังหวัดก็ยังมีผู้โดยสารมากกว่า 1 ล้านคนในปี 2563 จึงทำให้เป็นปลายทางที่มีผู้โดยสารสนามบินสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ นอกจากนั้น ในปี 2562 กระบี่มีนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ สูงสุดที่เข้าพักในสถานประกอบการที่พัก โดยคนไทยคิดเป็น 43% ซึ่ง นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์โฮเทลเวิร์คส์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการโรงแรมกระบี่และผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายราย ต่างมีความหวังจาก Sandbox ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ โดยเวลานี้ห้องพักในกระบี่มาจากตลาดหลักของสโนว์เบิร์ด (Snowbird) ในยุโรปเหนือ ที่น่าจะกลับมาช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 โดยเฉพาะเกาะลันตาจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นของกระบี่ พร้อมกันนี้ยังมีโรงแรมใหม่ๆ ในอนาคตของกระบี่ ที่กำลังเปิดตัวอยู่ 5 แห่ง รวมทั้งหมด 1,096 ห้อง พร้อมทำแซนด์บ็อกซ์ 4 อำเภอ ด้านจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2562 มีประชากร 1.7 ล้านคน GPP 230,000 ล้านบาท รายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวประมาณ 1 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาปีละ 10 ล้านคน แต่ผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2563 หายไป 57% ลดเหลือเพียง 43,000 ล้านบาท การเดินทางผ่านสนามบินลดเหลือ 6.27 ล้านคนจากปี 2562 มีจำนวน 17 ล้านคน การเดินทางผ่านสถานีขนส่งลดเหลือ 4 ล้านคนจากปี 2562 มีจำนวน 6 ล้านคน และการเดินทางผ่านรถไฟลดเหลือ 4 แสนคนจากปี 2562 มีจำนวน 7 แสนคน โดยทางเชียงใหม่มีโครงการ CHARMING CHIANG MAI SANDBOX ในพื้นที่นำร่อง 4 อำเภอ ของ จ.เชียงใหม่ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ได้รับวัคซีนแล้ว ทั้งนี้การทำแซนด์บ็อกซ์เปิดรับนักท่องเที่ยวจะมี 2 ระบบ แบ่งเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และระบบ Sealed Route ควบคุมนักท่องเที่ยวต่างชาติตามเส้นทางที่กำหนด โดยไม่ให้ท่องเที่ยวอิสระ พร้อมทั้งมีระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรการ Standard Operation Procedures(SOP) ซึ่งตั้งเป้าหมายเปิดท่องเที่ยวทั้งจังหวัด 25 อำเภอ ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 564 อย่างไรก็ตามมาตรฐานของ SOP Sand Box ผู้ให้บริการทั้งครอบครัวต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนครบ 70% ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่า 14 วัน และไม่เกิน 1 ปี และเป็นวัคซีนที่ประเทศต้นทางรับรอง มีประกันสุขภาพการันตีตามเงื่อนไข มีหนังสือรับรองจากสถานทูต โดยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ประสงค์ท่องเที่ยวต่ำกว่า 7 วัน ได้ แต่ต้องเดินทางออกต่างประเทศเมื่อครบกำหนด