เมื่อเวลา 13.00 นวันที่ 16 มิ.ย.ญาติๆ ได้เคลื่อนร่างไร้วิญญาณของ นายสุรภักดิ์หรือตุ้ม ภูไชยแสง อายุ 49 ปีออกจากบ้านเลขที่ 32 หมู่ที่ 2 บ้านคำแคน ต.นาสวรรค์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ไปสู่ฌาปนสถาน ณ เมรุวัดบ้านนาวรรค์ ต.นาสวรรค์ ที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อทำการฌาปนกิจในบ่ายวันนี้โดยมีแขกเหรื่อ เพื่อนร่วมงาน เพื่อนเรียนร่วมรุ่นที่ 7 ม.ศ.3 ร.ร.มัธยมบึงกาฬ และญาติๆ ได้ร่วมทำพิธีส่งดวงวิญญาณเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งพิธีจัดขึ้นโดยเรียบง่ายท่ามกลางบรรยากาศป้องกัน covid-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีการตรวจวัดไข้ของ อสม.ให้กับแขกที่มาร่วมงานทุกคน และทุกคนก็สวมหน้ากากนั่งห่างกัน 1 เมตรตามระเบียบของสาธารณสุข และมีการอ่านประวัติส่วนตัว นายสุรภักดิ์ ภูไขยแสง หรือตุ้ม ครองความเป็นโสดไม่แต่งงานมีครอบครัว จึงใช้ชีวิตแบบหนุ่มเจ้าสำราญไม่มีพันธะผูกพัน มีนางแต้ม ภูไขยแสง อายุ 77 ปีแม่ที่อยู่ในวัยชราคู่ทุกข์คู่ยากเพียงผู้เดียวที่คอยห่วงใยเท่านั้น ทำงานด้านคอมพิวเตอร์ เป็นโปรแกรมเมอร์ ใช้ชีวิตต่อสู้ดิ้นรนศึกษาเล่าเรียน ประกอบอาชีพอิสระส่วนตัว เป็นคนมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่สูงส่งเป็นหนึ่งแห่งบุบผาชนเสรี เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นักกิจกรรมมาตั้งแต่วัยเรียน จนย่างก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงทำให้เขามีความเกี่ยวข้องสนิทสนมกับผู้นำนักศึกษา ศิลปินตลอดจนแกนนำกลุ่มมวลชนต่างๆ และได้ดูแลสนับสนุน ประสานงานกับมวลชนด้วยความเสียสละ นับจากผลคดีในข้อหาตามมาตรา 112 เขาจะมุ่งมั่นทำงานหาเงินหารายได้มาใช้จ่ายจุนเจือดูแลครอบครัวและก็เสียสละรายได้เป็นเสบียงกำลังแก่มวลชนผู้ร่วมอุดมการณ์โดยไม่ได้ร่วมชุมนุมหรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งทางการเมืองอีกอย่างใด ก่อนจะทำพิธีการเผาร่างส่งดวงวิญญาณ นายสุรภักดิ์หรือตุ้ม ภูไชยแสง 1 ในจำนวนนักต่อสู้และเรียกร้อยโหยหาประชาธิปไตย ได้มี นายสุชาติ นาคบางไชย เพื่อนร่วมอุดมการณ์และร่วมติดคุกคดี 112 ได้กล่าวสดุดีว่า ตุ้ม ถือเป็นโปรแกรมเมอร์ ฝีมือระดับประเทศ บริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งใช้บริการของตุ้ม เรามองเห็นตุ้มเป็นหนุ่มเพลย์บอย เราไม่เคยรู้ว่าตุ้มเรียนจบอะไรที่รามคำแหง แล้วมาเป็นโปรแกรมเมอร์ระดับประเทศ คนๆหนึ่งที่เกิดบนแผ่นดินบึงกาฬ แล้วกลายเป็นโปรแกรมเมอร์จนมีเงินซื้อรถ BMW Z4 ได้ อันนี้เป็นผลิตผลของคนบึงกาฬที่น่าภาคภูมิใจ รถ BM เมื่อเทียบกับความสามารถของตุ้มแล้ว ผมยังถือว่าน้อยนิดมาก มีความรู้เทียบเท่าระดับโลกยังว่าได้ เพราะนั้นใครจะเรียกตุ้มว่าหนุ่มเจ้าสำราญหนุ่มเพลย์บอย ผมถือว่าเพื่อนผมทำมาหากินด้วยความสุจริต ทำมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของเขา ทำมาด้วยสติปัญญา และความสามารถของเขาเอง งานที่เขาทำมันหนักหนาทั้งยังต้องรับผิดชอบให้ทันเวลา เวลาเขาทำงานก็ทำงานหนัก 3 วัน 3 คืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน หลายคนเห็นแต่ภาพเขามีความสนุกสนาน ร่าเริง เห็นแต่ภาพเขาพาหญิงสาวไปเที่ยว หรือดื่มสุรา ลึกๆแล้วตุ้มเขาอยากมีครอบครัว เขาพยายามบอกเพื่อนฝูงในเฟสบุ๊ค พยายามจะคัดเลือกที่จะพามากราบแม่แต้ม หลายครั้ง เราในฐานะเพื่อนก็เชียร์ แต่สุดท้ายด้วยความเป็นตุ้ม เขายังไม่พบเนื้อคู่ ไม่ใช่เขาอยากจะอยู่คนเดียว เขาได้พยายามจนวาระสุดท้าย เพราะนั้นในชีวิตของตุ้มเนี่ยผมถือว่าเขามีสิทธิ์ ที่จะใช้จ่ายเงินทองที่เขาหามาได้จากน้ำพักน้ำแรงของเขา ไม่ว่าการที่จะมีรถหรูการได้พาสาวๆไปเที่ยว การได้ดื่มแอลกอฮอล์ นั้นเป็นชีวิตส่วนตัวของเขา ในฐานะความเป็นเพื่อน ผมภูมิใจครับ ผมภูมิใจ ที่เพื่อนเรา เป็นคนบึงกาฬที่มีความสามารถถ้าผมเป็นคนบึงกาฬผมจะดีใจมาก แล้วจะต้องดีใจมากไปกว่านั้นนะครับเพราะวันนี้เขาจะยังไม่เสีย เพราะว่าชีวิตการงานของตุ้มกำลังรุ่งเรืองครับกำลังรุ่งเรือง ท่านทราบไหมครับว่าในสถานะวิกฤตโควิด-19 แบบนี้ หลายธุรกิจมีปัญหา ธุรกิจส่วนใหญ่นะครับดำเนินการได้บนโลกออนไลน์ นั่นหมายความว่าในขณะที่เศรษฐกิจกำลังผันผวนความเป็นโปรแกรมเมอร์มีความสำคัญครับ มีการค้าขายในโลกออนไลน์ มีงานให้ตุ้มได้ที่ทำมากมาย เพราะฉะนั้นงานเขากำลังเฟื่องฟู ในแง่ของการเป็นโปรแกรมเมอร์ระดับประเทศหรือจะเรียกว่าระดับโลกก็ได้ เพราะผมได้คุยกับเขาแล้วเขาสามารถที่จะคุยกับโปรแกรมเมอร์ระดับโลกได้รู้เรื่อง ต่อมาเรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นที่น่าเศร้าเสียใจ ทั้งต่อตัวตุ้ม และน้องที่ไปกับตุ้ม และขอเสียใจอย่างสุดซึ้งกับ 2 ครอบครัวรถ swift นะครับที่เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย ที่เขาก็ไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าตุ้มลูกขึ้นมาพูดได้ตอนนี้ผมขอเดาใจว่าตุ้มจะเสียใจมาก ตุ้มเป็นคนดี มีจิตใจเมตตา คอยช่วยเหลือไม่ใช่เฉพาะบุคคล เขาเป็นคนช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือระบอบประชาธิปไตย มาตั้งแต่ผมรู้จักเขาตั้งแต่ปี 2549 ตุ้มไม่เคยนิ่งดูดายเพิกเฉยต่อความอยุติธรรมใดๆ ถ้าวันนี้ตุ้มยังอยู่ตุ้มจะเสียใจมากที่ทำให้น้อง 2 คนเสียชีวิต ทั้งนี้ผมกล้าพูดแทนเพื่อนผมได้เลยว่า ตุ้มไม่มีเจตนา และตุ้มเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับผิดชอบ แล้ววันนี้ต้องรับผิดชอบชีวิตของเขาแล้วครับ เพราะฉะนั้นใครที่จะพูดถึงตุ้มนะครับขอให้พูดด้วยความเป็นธรรม ตุ้มไม่ได้อยากให้เกิดอุบัติเหตุ ตุ้มไม่ได้อยากให้ใครตาย ตัวตุ้มก็ไม่ได้อยากตาย ตุ้มยังมีภารกิจเพื่อประเทศชาติและประชาธิปไตยอยู่ ตุ้มจะยังวางมือไม่ได้ถ้าประเทศนี้ยังไม่ใช่ของประชาชน เพราะฉะนั้นการจากไปโดยเร็วของตุ้มไปเป็นที่โศกเศร้าเสียใจของหมู่เพื่อนและคนที่รู้จัก ดังนั้นผมอยากจะขออนุญาตเล่ามีส่วนหนึ่งที่รู้จักต้มในเรือนจำพิเศษ เพราะผมนี่ก็คืออดีตนักโทษ 112 ที่อยู่ในเรือนจำกับตุ้ม เริ่มเข้ามาในวงการการเมืองตั้งแต่ปี 2549 ตุ้มเป็นสมาชิกห้องราชดำเนินในเว็บ pantip.com ใช้นามแฝงว่า “ดอกอ้อริมโขง”ถ้าคนที่เคยเข้าไปเล่นในห้องราชดำเนินในปี 2549 ต้องรู้จักชื่อนี้ครับ ดอกอ้อริมโขง เป็นชื่อชายทระนง ที่รักความยุติธรรม รักระบอบประชาธิปไตยรักชาติ ศาสน์ และประชาชน เพราะฉะนั้น ดอกอ้อริมโขง ยังอยู่ในหัวใจพวกเรา และผมจะขอนำสิ่งที่ดอกอ้อริมโขงได้ทำไว้นั้นคือ สิ่งที่ตุ้มพยายามสนับสนุนในระบอบประชาธิปไตย ผมได้เข้าไปในเรือนจำพิเศษก่อนตุ้มไม่กี่เดือน เข้ามาวันแรกญาติพี่น้องก็ยังไม่รู้ ไม่มีญาติ ไม่มีของใช้ ไม่มีอาหาร ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดเดินแบบรนรานเหมือนคนตื่นตระหนก ผมก็ดูแล้วก็แปลกๆ มีคนแนะนำผมว่าเนี่ยตุ้มถูกคดี 112 เหมือนผม ผมก็ลองไปคุยแล้วทักทายดู ผมมีความรู้สึกว่าหมอนี่มันรั่วหรือเปล่า หมายถึงสติไหมเนี่ย เพราะตุ้มคอยพูดอยู่เสมอว่า พี่คอยดูนะคดี 112 เนี่ยผมจะชนะ ผมไม่ผิด ผมก็คิดในใจว่ามึงไม่ใช่นักกฎหมาย มึงเป็นโปรแกรมเมอร์ ถูกฟ้องด้วยคดี 112 ข้อหาจริงๆไม่มีอะไรมาก ถูกฟ้องว่าไปโพสต์ข้อความหมิ่นหม่เกี่ยวกับสถาบัน ตุ้มพยายามจะเล่าให้ผมฟังในทางเทคนิค ว่าพี่ดูโปรแกรมนี้นะหน้าเพจที่คนเอาไปฟ้องเนี่ยมันไม่ใช่ของผม เป็นหน้าเพจที่ผู้ฟ้องสร้างขึ้นมาปรักปรำ ผมบอกตุ้มเอ๋ยคดี 112 เนี่ยมันไม่มีใครชนะหรอก ยิ่งคุณพูดมาก ผมก็ยิ่งไม่เชื่อ ผมก็เตือนเขาว่าเราติดคุกคดี 112 ให้ทำใจ ก้มหน้ารับกรรม แต่ตุ้มไม่ยอม บอกผมต้องชนะ สู้ถึงกันถึง 3 ศาลสุดท้ายตุ้มชนะ ซึ่งตุ้มเป็นผู้ต้องหาคดี 112 ที่ไม่ได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้ แล้วต่อสู้ในเรือนจำจนชนะ เป็นนักโทษที่ถูกมัดมือมัดเท้าแต่ต่อสู้จนชนะ ไม่มีที่ไหนคดีนี้จะมีใครชนะอย่างสวยงามสุดท้ายตุ้มติดคุก 1 ปี 3 เดือน ส่วนผมติดคุก 22 เดือน คดีเดียวกัน การติดคุกของตุ้มเป็นเรื่องที่เสียหายต่อทั้งครอบครัวเป็นความเสียหายของยายแต้ม ที่ต้องขึ้นๆลงๆกรุงเทพฯ เป็นว่าเล่น ตุ้มเสียอิสรภาพ เสียโอกาสทางการงานไป 1 ปี 3 เดือน ในที่สุดผู้ฟ้องร้องและฝ่ายตุลาการ ไม่มีใครสักคนที่จะรับผิดชอบชีวิตและอนาคตของอดีตนักโทษ 112 คู่นี้เลย ทุกวันนี้เขายังไม่ได้รับการชดเชย การขอโทษ จากผู้ที่ไปฟ้องร้องเขา นั่นหมายความว่าคดี 112 ใครไม่ชอบใคร ก็ไปฟ้อง ศาลตำรวจ ตุลาการ แม้กระทั่งพัศดีในเรือนจำ ท่านก็ก้มหน้าก้มตาจับคนเข้าไปในคุก ไปขังไว้เฉยๆ ให้ไปต่อสู้ให้ตาย จะมีกี่คนที่จะต่อสู้จนชนะเหมือนตุ้ม ถ้าผมอยู่บึงกาฬผมจะตั้งอนุสาวรีย์สุรภักดิ์ ภูไชยแสง แล้วจารึกไว้ว่าเป็นนักโทษคดี 112 ผู้ที่ชนะโดยบริสุทธิ์ นั้นคือเรื่องราวของสุรภักดิ์ ภูไชยแสง ในความทรงจำของผม และเพื่อนพ้องที่อยู่ในฝ่ายประชาธิปไตย หลายคนวันนี้ไม่ได้มา หลายคนวันนี้เสียชีวิต หลายคนวันนี้อยู่ในคุก ผมเชื่อว่าตุ้มจะรับรู้ได้ว่า ผมและเพื่อนๆที่มาจากกรุงเทพฯ นำความปรารถนาดีมาให้ครอบครัวภูไชยแสง และมานำส่งวิญญาณให้ตุ้มไปสู่ภพภูมิที่ดี เกิดมาครั้งหน้าขอให้พบแต่ประเทศเสรี ประชาธิปไตย อันมีประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ขอบคุณครับ ซึ่งหลังจากกล่าวความในใจเสร็จ นายสุชาติ นาคบางไทร อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคยเป็นจำเลยมาตรา 112 เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเสี่ยตุ้ม ได้ยกมือซ้ายขึ้นพร้อมกับชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งที่เก้าอี้รับแขก พร้อมกับเพื่อนๆ ที่มาจาก กทม.เกือบ 20 คน ควันไฟกำเผาร่างของนักสู้เพื่อประชาธิปไตยกำลังลุกโชน เพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ได้ไปรวมตัวกันข้างเมรุเผาศพเพื่อชู 3 นิ้วแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนนายภูริทัต ภูร์ชัยแสง พี่ชายที่เคยให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องเงิน 300,000 บาทและสร้อยคอทองคำ 5 บาท หายไปในระหว่างเกิดอุบัติเหตุนั้น กล่าวว่ากล้องติดหน้ารถเก๋ง BMW Z4 จะใช้เป็นหลักฐานพยานในการไลฟ์สดก่อนเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นพยานในการพิสูจน์หรือว่าตรวจสอบว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงก่อนการเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องสร้อยเรื่องเงินเป็นข้อสันนิษฐานเป็นความเข้าใจของพวกเรา เพราะว่าจากการติดตามพฤติกรรมของน้องชาย ก่อนจะออกไปเที่ยวได้เบิกเงินจากบริษัทที่รับจ้างทำงาน ส่วนสร้อยทอง 5 บาทเขาใส่เป็นประจำ ทั้งเรื่องเงินหรือเรื่องสร้อยจะอยู่ที่ใครเราไม่สามารถจะปรักปรำใครได้ หรือชี้ได้ว่าเงินหายจริงหรือเปล่าหรือสร้อยไปอยู่กับใครเราก็ยังไม่ทราบ แต่เป็นเรื่องหนึ่งที่เรากังวลใจ ไม่มีใครที่จะสามารถตอบให้เราได้แต่เราก็ไม่อาจที่จะก้าวล่วงหรือกล่าวหาใครเป็นคนเอาทรัพย์สินเหล่านี้ไป ซึ่งเราก็อยากจะรู้เท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ติดใจที่ทรัพย์สินเหล่านี้ไม่เห็น แต่อยากจะได้กล้องหน้ารถคืน เพราะจะได้ใช้เป็นหลักฐานพยานก่อนการเกิดอุบัติเหตุ.