เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. ที่ สน.บางยี่เรือ พ.ต.อ.ดุสิต วาลีประโคน ผกก.สน.บางยี่เรือ เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายเวลาประมาณ 13.00 น. ที่ผ่านมา กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่เรือ ได้รับแจ้งเข้าไประงับเหตุผู้ค้าอาหารและน้ำ ทะเลาะวิวาทกัน บริเวณหน้าวัดเวฬุราชิณ ถนนเทอดไทย แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม. เมื่อเดินทางไปถึงพบคู่กรณี 2 ฝ่าย เป็นผู้ค้าก๋วยเตี๋ยวและน้ำชง กับ ผู้ค้าร้านชานมไข่มุก ซึ่งร้านอยู่ติดกัน ก่อเหตุทะเลาะวิวาทยกพวกตะลุมบอน ทำร้ายร่างกายกันจนข้าวของในร้านก๋วยเตี๋ยวเสียหาย และผู้ก่อเหตุต่างกระจัดกระจายแยกย้ายพากันหลบหนี เบื้องต้นจึงเชิญ น.ส.ณัฐชลัยย์ เสริมสุข อายุ 60 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งได้รับบาดเจ็บปากแตก และ นายธนนันท์ แสงกิจอมร อายุ 23 ปี หลานชายซึ่งถูกตีด้วยไม้ที่หลังและร่างกายซีกซ้าย เข้าโรงพักดำเนินการสอบสวน จากการสอบสวน น.ส.ณัฐชลัยย์ ให้การว่า ขายก๋วยเตี๋ยวกับน้ำชง อยู่หน้าวัดมาเป็นเวลา 3 ปี ส่วนร้านชาไข่มุก เพิ่งมาเปิดร้านได้ 1 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยพูดจาหรือทักทายกัน และไม่ได้ห้ามลูกค้าว่าอย่าสั่งชาไข่มุกจากร้านดังกล่าวเข้ามากินก๋วยเตี๋ยวในร้านตน แต่ยอมรับว่าจะคอยบอกลูกค้าที่ถือชาไข่มุกเข้ามากินให้ช่วยเอาแก้วออกไปทิ้งให้ด้วย กระทั่งตอนเกิดเหตุตนกำลังเก็บข้าวของเตรียมปิดร้าน ปรากฏว่ามี น.ส.เอ (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) อายุราว 25-30 ปี ซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของร้านชาไข่มุก เดินเข้ามาว่ากล่าวตน หาว่า พับโต๊ะเสียงดัง จากนั้นจึงเกิดการถกเถียงกันขึ้น ทำให้ฝ่าย น.ส.เอ เรียกพวกผู้หญิงอีก 2-3 คน เข้ามารุมทำร้ายตบตีตนจนได้รับบาดเจ็บ ระหว่างนั้น นายธนนันท์ หลานชายตน ที่กำลังช่วยเก็บร้าน เห็นเหตุการณ์จึงหยิบมีดทำครัวเข้ามาห้ามปราม จนเหตุการณ์สงบส่วนตนก็รีบขึ้นรถเดินทางมาแจ้งความที่โรงพักเพื่อหวังจะดำเนินคดีกับฝ่ายคู่กรณีข้อหาทำร้ายร่างกาย ด้าน นายธนนันท์ กล่าวว่า ระหว่างที่ น.ส.ณัฐชลัยย์ ย่าตนเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก ตนก็กำลังรีบเก็บข้าวของภายในร้าน และกำลังนำขยะเดินออกไปทิ้งริมถนน จู่ๆ มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณเกือบ 10 คน มีไม้เบสบอลและไม้อื่นๆ เป็นอาวุธ เข้ามารุมทำร้ายตนจนต้องวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในซอยข้างวัด ทันใดนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวยังได้บุกเข้าไปรุมทุบทำลายตู้ก๋วยเตี๋ยว พวงพริกน้ำปลา และทรัพย์สินอื่นๆ ในร้านจนพังเสียหาย หลายรายการ จากนั้นสายตรวจหลายนายก็เดินทางมาถึงทำให้คู่กรณีแยกย้ายพากันหลยหนีไป ด้าน พ.ต.อ.ดุสิต กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเชิญตัวฝ่ายร้านขายก๋วยเตี๋ยวและน้ำชง เข้ามาให้ปากคำแล้ว ทราบว่า ทางฝ่ายคู่กรณีก็ติดต่อมาว่าจะเดินทางเข้ามาแจ้งความเนื่องจากถูกทำร้ายร่างกายด้วยเช่นกัน กรณีนี้นั้นยังไม่แจ้งข้อหากับฝ่ายใด เนื่องจากแนวทางการสืบสวนทราบว่า ทั้ง 2 ฝ่าย มีปัญหาไม่ลงรอยกันมานานแล้ว เพราะต่างก็ขายน้ำดื่มเหมือนกัน โดยหลังจากนี้จะให้ทางฝั่งร้านก๋วยเตี๋ยวไปตรวจร่างกายที่ รพ.ทหารเรือ ก่อนนำใบแพทย์มาประกอบสำนวนคดี ส่วนฝ่ายคู่กรณีหากต้องการแจ้งความกลับ สามารถดำเนินการได้ ซึ่งตำรวจจะให้ความยุติธรรม หากพบหลักฐานเอาผิดกับฝ่ายใด ยืนยันจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด. //////////////