ฝ่ายค้านยื่น 5 ร่าง แก้รัฐธรรมนูญรายมาตราการันตีตั้ง ส.ส.ร.ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ "ประเสริฐ"เห็นพ้องปิดสวิตช์ ส.ว. "ชวน"เร่งดันเข้าวาระ 23 มิ.ย.นี้ ด้าน"ส.ว."ประกาศคว่ำร่างริบอำนาจโหวตนายกฯ จ้องโหวตผ่านเฉพาะฉบับ พปชร. "โรม"เผย"ก้าวไกล"มีร่างแก้ระบบเลือกตั้งพร้อม รอเสนอชั้น ส.ส.ร. บอก"เพื่อไทย"อย่าฝันกลางวัน ดันระบบเลือกตั้ง"แลนด์สไลด์" เหตุเสียงข้างมากอาจเทไป พปชร. "พิธา"ปัดโจมตีเพื่อไทย แค่เห็นต่างบางเรื่อง ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 16 มิ.ย. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นำทีมตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย รวมถึง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่ยื่นครั้งนี้มี 5 ร่าง ประกอบด้วย 1.การแก้ไขมาตรา 256 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ไปยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเว้นหมวด 1 และ 2 โดยมีสมาชิกพรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อบางส่วน 2.การแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นร่างที่มี ส.ส.ฝ่ายค้านลงชื่อกันอย่างพร้อมเพรียง 3.การแก้ไขเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในด้านต่างๆ อาทิ แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 3 มาตรา 29 เรื่องการเพิ่มสิทธิในกระบวนการยุติธรรม มาตรา 45 และ 47 เรื่องสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ นายประเสริฐ กล่าวว่า 4.การแก้ไขมาตรา 83 ให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ให้มี ส.ส.แบ่งเขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน แทนระบบจัดสรรปันส่วนผสม 5.ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 275 และ 279 ในเรื่องการยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการยกเลิกอำนาจ คสช. ทั้งนี้ยืนยันว่าการขอแก้ไขมาตรา 256 ให้ตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่นั้น สามารถดำเนินการได้ตามกระบวนการรัฐสภา ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อร่าง พ.ร.บ.ประชามติผ่านความเห็นชอบจากสภาโดยสมบูรณ์ ก็จะสอดคล้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านเสนอไป ส่วนเรื่องระบบเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอมานานแล้ว ยึดแนวทางเก่าที่พรรคเพื่อไทยเคยทำมา เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 40 เราอาจมีความคิดไม่ตรงกันบ้างบางประเด็น แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้น กมธ. จะเกิดการถกเถียงจนมีทางเลือกดีที่สุดแก่ประชาชน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ได้กำหนดวาระประชุมรัฐสภาระหว่างวันที่ 22-23 มิ.ย. โดยวันที่ 22 มิ.ย.เป็นการประชุมร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ ส่วนวันที่ 23 มิ.ย.จะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ จะพยายามทำให้เสร็จในวันเดียว หากไม่เสร็จจะต่อการพิจารณาในวันที่ 24 มิ.ย.อีกหนึ่งวัน ในส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นจะดูว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคเสนอร่างแก้ไขมาจำนวนเท่าใด เพื่อจะได้นำไปพิจารณาพร้อมกับฉบับของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นมารอไว้แล้ว โดยมาตรการประชุมรัฐสภานั้นยังคงเคร่งครัดเรื่องมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยให้สวมหน้ากากอนามัย 100% ส่วนการเว้นระยะที่นั่งคงทำได้ไม่เต็มที่ เพราะจำนวนสมาชิกค่อนข้างมาก สิ่งที่ดีที่สุดคือการสวมหน้ากาก ด้าน นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวถึงการยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคฝ่ายค้านที่มีเนื้อหาแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ แต่ต้องมีเนื้อหาเหมาะสม ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ถ้าเป็นเช่นนี้ส.ว.ไม่ร่วมมือด้วยแน่นอน โดยเฉพาะการตัดอำนาจส.ว.โหวตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา272 เป็นการลุแก่อำนาจ ไม่เห็นด้วย การโหวตเลือกนายกฯของส.ว. เป็นอำนาจตามบทเฉพาะกาล 5ปี เพื่อมาแก้วิกฤติประเทศ เสียงส.ว.ไม่มีผลอะไรเลย ถ้ามีเสียงสนับสนุนจากส.ส.ไม่ถึงครึ่งในการโหวตนายกฯ การแก้มาตรา272 ทุกฝ่ายต้องเห็นพ้องต้องกันจึงจะสำเร็จ ถ้าส.ว.ไม่ร่วมมือด้วยก็ไม่มีทางสำเร็จ "ขอเตือนสติให้รับรู้ว่าใครที่ทำเก่งทำกล้า เสนอแก้รัฐธรรมนูญที่ลุแก่อำนาจ เน้นแต่หาเสียง สนุกปากเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าพรรคใดเสนอมาจะไม่ผ่านแม้แต่ร่างเดียว ส.ว.จะไม่รับร่าง เพราะไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา เป็นแค่การหาเสียง มุ่งแสดงอำนาจบาตรใหญ่" นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งการให้ตั้งส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และการตัดอำนาจส.ว.ในการโหวตนายกฯนั้น โม้ได้ แต่จะทำได้หรือไม่ เพราะจะต้องอาศัยเสียงส.ว. 1ใน3 หรือ 84เสียงขึ้นไปสนับสนุน ดูแล้วร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านโอกาสผ่านยาก เพราะเรื่องการตั้งส.ส.ร.มายก ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ทำประชามติก่อน หรือการตัดอำนาจส.ว. โหวตนายกฯเป็นการทำเพื่อหาเสียง ขณะนี้เสียงส.ว.ตกผลึกเบื้องต้นจะให้ผ่านเฉพาะร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนร่างของฝ่ายค้านคงไม่ผ่าน ขณะที่ร่างพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนานั้น ถ้าเสนออยู่ในหลักการที่เป็นไปได้ ไม่สุดโต่ง ทำเพื่อหาเสียงให้ตัวเอง ส.ว.ก็ยินดีสนับสนุน แต่ถ้าสุดโต่งเกินไป ก็คงไม่ผ่าน ต้องไปหาเสียงสนับสนุนเอาเอง "ยืนยันส.ว.ไม่ใช่อุปสรรคแก้รัฐธรรมนูญ และเป็นที่พึ่งฝากความหวังได้ เห็นแก่บ้านเมืองมากกว่านักการเมืองด้วยซ้ำ" นายกิตติศักดิ์ กล่าว ส่วน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอระบบเลือกตั้งที่ใช้บัตร 2 ใบ แบบจัดสรรปันส่วนผสม ของพรรคก.ก. จะเสนอเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราหรือไม่ ว่า ความจริงเราทำร่างเสร็จไว้พร้อมแล้ว เพียงแต่ยังเสนอในครั้งนี้ไม่ได้ เพราะเสียงของพรรคมีไม่เพียงพอ ถึงแม้เราจะมีร่างพร้อม แต่ทางแก้ที่ดีที่สุดควรจะเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มีจากประชาชน ทั้งนี้หากเราเร่งผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ทำประชามติถามประชาชน และตั้งส.ส.ร. ตนว่าทุกอย่างก็จบ และได้ระบบเลือกตั้งที่ดี ทั้งยังสามารถตัดอำนาจส.ว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพราะการแก้ทีละประเด็น ทีละมาตรา ที่ประชาชนไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของสมการที่ถกเถียงกันอยู่ ก็จะไม่สามารถแก้ไขวิกฤตได้ เมื่อถามถึงการแสดงความเห็นตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เห็นด้วยกับระบบการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งจะเทคะแนนไปที่พรรคใดพรรคหนึ่งอย่างเต็มที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายทักษิณ มีสิทธิ์ที่จะคิดว่า เพราะในสมัยหนึ่งที่มาเป็นนายกฯ ท่านก็บริหารประเทศได้ แต่ว่าเราต้องยอมรับว่า บ้านเมืองปัจจุบัน ไม่ได้เป็นแบบนั้น เราอยู่ภายใต้อำนาจนิยม และคสช. ที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มา 7 ปีแล้ว นอกจากนี้ถ้าใช้ระบบเลือกตั้งแบบที่นายทักษิณ เห็นด้วย ก็จะไปเข้าทางกับสิ่งที่ทางพรรคพปชร. ต้องการคือ การทำให้พรรคการเมืองที่อยู่ข้างประชาชน กอดคอตกน้ำกันเอง ทำให้พรรคพปชร. สอดแทรกตัวเองมาเป็นรัฐบาลได้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคพท. อาจจะคิดว่าหากเสนอระบบเลือกตั้งแบบนี้แล้วตัวเองจะกลับมา พรรคก.ก.จึงต้องออกมาเตือนสติว่า พรรคพท. อาจจะไม่ได้กลับมา แต่เป็นพรรคพปชร. ต่างหากที่จะกลับมา ดังนั้น พรรคพปชร. คงไม่เสนอระบบเลือกตั้งนี้เพื่อให้ตัวเองแพ้หรอก เมื่อเขาไม่อยากแพ้เราก็ต้องมานั่งคุยกัน แต่เมื่อพรรคก.ก. ท้วง ก็มาหาว่าพรรคก.ก. เสียผลประโยชน์ ซึ่งก็อาจจะถูก แต่ยืนยันว่าเรามองในภาพรวม เพื่อใช้ระบบเลือกตั้งที่เสนอแก้วิกฤต เราไม่ได้ดึงดันว่าจะต้องเสนอและเอาตอนนี้ แต่ให้ทุกอย่างไปว่ากันในส.ส.ร. ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน นี่คือการถามประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิ์เลือก ขณะเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะร่วมกับพรรคเพื่อไทย ในการจะร่วมเสนอแก้ไขโดยเฉพาะมาตรา 272 เรื่องตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ เพราะเป็นต้นตอความบิดเบี้ยว เวลาสื่อสารไม่อยากให้สับสน เพราะการเสนอแก้ไขรอบนี้แต่ละพรรคมีหลายประเด็น สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้คือการเอา ส.ว.250 ออกจากระบบการเมืองไทย เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เห็นไม่ตรงกันเรื่องระบบเลือกตั้งหรือบัตรเลือกตั้ง นายพิธา กล่าวว่า ไม่แปลกสำหรับประชาธิปไตยมีการถกเถียงในหลายรูปแบบ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบมีหลายรูปแบบ คงมีการหารือกันให้ตกผลึกว่าแบบใดเหมาะสมกับการเมืองไทยมากที่สุด พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล มีเอกภาพโดยเฉพาะเรื่องตัดอำนาจ ส.ว. ส่วนเรื่องที่เหลือ มีโอกาสพูดคุยในวาระต่อๆไป ในความเห็นต่างยังสามารถพูดคุยกันได้ เมื่อถามว่า แต่ยังมีส.ส.พรรคก้าวไกลออกมาโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้โจมตีพรรคเพื่อไทย เรื่องบัตรเลือกตั้ง นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่การโจมตี ที่ผ่านมาเราพูดคุยกันตลอด ยืนยันอะไรเห็นร่วมกันก็สนับสนุนผลักดันให้เกิดขึ้น อะไรที่ต่างกันก็พูดคุยถกเถียง การโพสต์เฟสบุ๊กเพราะยังไม่ตกผลึกกัน เราพูดกันตรงไปตรงมาในฐานะเพื่อนผู้ร่วมประชาธิปไตยประเด็นสำคัญตอนนี้คือส.ว. ไม่ใช่ระบบเลือกตั้ง ตอนนี้ไม่ว่าจะระบบเลือกตั้งจะเป็นแบบไหน แต่ถ้าส.ว.ยังอยู่ ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน วันเดียวกัน ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธานกมธ.ได้มีการเชิญ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำราษฎร และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ วีโว่ เข้าชี้แจงกรณีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาทางการเมือง 7 คนจากเรือนจำธนบุรีสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจหาโควิด-19 จำนวน 4 ครั้ง โดยนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษก กมธ. ได้ให้ทั้ง 4 คนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กมธ.ฟัง โดย นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า หลังจากอัยการมีคำสั่งฟ้องและศาลมีคำสั่งฝากขังในวันที่ 8 มีนาคมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจากนั้นเรายังไม่ได้ทำเรื่องประกันตัวเลย แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตน น.ส.ปนัสยา และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ไปขึ้นรถเรือนจำ ตอนแรกเส้นทางมุ่งไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่หลังจากนั้นมีการนำน.ส.ปนัสยาไปแค่คนเดียวและนำตนกับนายจตุภัทรไปที่เรือนจำธนบุรี โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เมื่อไปถึงเรือนจำธนบุรีมีการตรวจคัดกรองโควิด มีการสแกนอุณหภูมิและมีการทำประวัติ ซึ่งเจ้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้เข้าไปทำประวัติของพวกตนที่เรือนจำธนบุรี และมีการจัดพวกตนแยกห้องขังรวมกับผู้ต้องขังคนอื่น ซึ่งคนที่เข้าไปในเรือนจำธนบุรีวันนี้มี 3 คนคือตน นายจตุภัทร์ และนายปิยรัฐ หลังจากที่พวกตนเข้าไปอยู่ที่เรือนจำแล้ว มีการแจ้งว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีการตรวจ swab test และมาตรวจจริงในเวลา 08.00 น. ด้าน นายปิยรัฐ กล่าวว่า ความจริงแล้วตนเข้าไปในวันเดียวกันกับนายภาณุพงศ์กับนายจตุภัทร์แต่คนละคดี ซึ่งศาลได้สั่งให้ไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่เจ้าหน้าที่ได้นำตนมาที่เรือนจำธนบุรีในเวลาประมาณ 20.00-21.00 น. โดยทางผบ.เรือนจำได้แจ้งว่าเจ้าหน้าที่การแพทย์กลับไปหมดแล้วและเป็นเวลากลางคืนแล้ว จึงบอกว่าจะตรวจคัดกรองโควิดในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งคดีของตนเป็นคนละกรณีกับนายภาณุพงศ์ เนื่องจากไม่ได้ย้ายมาจากเรือนจำธนบุรี โดยใน