เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ว่า สำหรับ 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือ กทม. 807 ราย นนทบุรี 204 ราย สมุทรปราการ 161 ราย ชลบุรี 108 ราย สมุทรสาคร 101 ราย มีคลัสเตอร์ใหม่ในหลายพื้นที่คือ นนทบุรี บริษัทกระจกและอะลูมิเนียม อ.ไทรน้อย มีผู้ติดเชื้อ 19 ราย บริษัทอะลูมิเนียม อ.บางบัวทอง ผู้ติดเชื้อ 6 ราย จ.สมุทรปราการ มี 3 คลัสเตอร์ คือบริษัทไม้แขวนเสื้อพลาสติก อ.พระประแดง 26 ราย บริษัทผลิตผ้า อ.เมืองสมุทรปราการ 8 ราย บริษัทผลิตซอสปรุงรส อ.เมืองสมุทรปราการ 8 ราย จ.สมุทรสาคร โรงงานอาหารแช่แข็ง อ.เมืองสมุทรสาคร 2 แห่ง แห่งแรก 6 ราย แห่งที่สอง 23 ราย จ.ปทุมธานี บริษัทนำเข้าเครื่องจักร อ.ลาดหลุมแก้ว 78 ราย จ.พระนครศรีอยุธยา โรงงานอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ อ.อุทัย 7 ราย ซึ่งตรงนี้ยังไม่รวมบริษัทผลิตสื่อ ที่มีข่าวการติดเชื้อเนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค จากข้อมูลพบว่ามีการเริ่มติดเชื้อตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค.ในฝ่ายข่าว และสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือนพ.ค.มีการติดเชื้อในฝ่ายรายการและฝ่ายสถานี โดยวันที่ 5 มิ.ย.มีการติดเชื้อในกลุ่มของพิธีกร ช่างทำผม โดยรายละเอียดต่างๆเหล่านี้จะมีการนำมาเปิดเผยภายใน 1-2 วันนี้ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้รายงานปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดอื่นๆยกเว้นกรุงเทพฯและปริมณฑล ในช่วง 2 สัปดาห์นี้พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นโรงงาน สถานประกอบการ ที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 50 คน มีอยู่ 4 จังหวัด คือสระบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และตรัง ตลาดค้าส่งที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมากและพบผู้ติดเชื้อเกิน 50 คน พบใน 2 จังหวัด คือนครปฐม และเพชรบุรี ส่วนชุมชนแออัดที่พบผู้ติดเชื้อเกิน 50 คนมี 1 จังหวัดคือสมุทรสาคร ขณะพื้นที่ชายแดนที่พบต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศมีผู้ติดเชื้อเกิน 50 คน 3 จังหวัดคือ จันทบุรี สงขลา ปัตตานี อย่างไรก็ตามในส่วนของการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ในกลุ่มโรงงานตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-16 มิ.ย. มีไปแล้ว 27 จังหวัด ซึ่งรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รายงานตัวเลขว่าขณะนี้มีโรงงานทั่วประเทศ 64,038 แห่ง เป็นโรงงานขนาดใหญ่ มีแรงงานเกิน 200 คน 3,304 โรงงาน จนถึง 14 มิ.ย.มีโรงงานทั้งหมดทำการประเมินตนเองในระบบไทยสต็อปโควิดพลัส 8,132 โรง เฉพาะโรงงานขนาดใหญ่ทำการประเมินตนเองแล้ว 2,241 โรง ผ่านเกณฑ์ 1,583 โรง ไม่ผ่านเกณฑ์ 656 โรง และตั้งเป้าตั้งแต่วันที่ 16-30 มิ.ย.จะให้โรงงานทั้งหมดประเมินตนเอง ขอความร่วมมือทุกโรงงานต้องทำการประเมินตนเอง เพราะเป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะโรงงานที่ทำแล้วไม่ผ่านจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยปรับปรุง ขณะที่พนักงานต้องประเมินตัวเองทุกวัน อย่างไรก็ตามสำหรับโรงงานต่างๆนั้นจะมีการประเมินซ้ำทุกๆ 2 สัปดาห์