สุดเจ๋ง เกษตรกร อ.เรณูนคร นครพนม ทำนากบ พลิกวิกฤติสู้ภัยโควิด หันแปรรูปลูกอ็อด แช่แข็งส่งขาย ทั้งในประเทศ ถึงเมืองนอก ทำเงินตลอดปี สร้างรายได้เดือนละนับล้านบาท ยกระดับสินค้าทำกบแช่แข็งเพิ่มช่องทางการตลาด ออเดอร์ถึงเมืองนอก พบรายได้หมุนเวียนสะพัดปีละกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้ถึงแม้จะมีหลากหลายอาชีพส่วนใหญ่ได้รับความเดอืดร้อนผลกระทบจากพิษโควิดระบาด ทำให้ตัวเลขด้านเศรษฐกิจการค้า ผลผลิตการเกษตรราคาตกต่ำ บางรายตกงาน ขาดรายได้ แต่สำหรับชาวบ้านหนองแต้ หมู่ 7 ต.นาขาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม รวมเกือบ 200 ครัวเรือน ซึ่งมีอาชีพทำนากบขายลูกอ็อดมานานหลาย 10 ปี ในช่วงฤดูแล้ง ก่อนถึงฤดูฝนทำนาปี โดยปีที่ผ่านมาเจอพิษโควิดระบาด ทำให้เกิดแนวคิดหันมาพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เนื่องจากปกติจะทำนากบ ส่งขายเฉพาะลูกอ็อดตัวสด หรือชาวบ้านเรียกว่าลูกฮวก ทั่วภาคอีสาน นิยมทำไปปรุงเมนูเด็ด แกงอ่อม ต้ม ห่อหมก หลากหลายเมนู เคยสร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่ปีที่ผ่านมามีปัญหาด้านการตลาดขายไม่ทัน ขาดทุน เพราะมีห้วงเวลาขายประมาณ 2-3 เดือน จนกระทั่งมีการตั้งกลุ่มวิสาหกิจแปรรูปลูกอ็อดและกบ แช่แข็งส่งขายแทนการขายแบบสด เพื่อให้สามารถขายได้ตลอดปี และเพิ่มช่องทางการตลาด ทำให้ประสบความสำเร็จ สามารถขายลูกอ็อดแช่แข็ง รวมถึงกบแช่แข็ง ได้ตลอดปีอีกทั้งยังทำการตลอดออนไลน์ส่งขายถึงเมืองนอก สร้างรายได้ เดือนละนับล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนสะพัดปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ด้าน นายสนธยา ฝาละมี อายุ 45 ปี เลขาวิสาหกิจชุมชนแปรรูปลูกอ็อดบ้านหนองแต้และกบแช่แข็ง ต.นาขาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม เปิดเผยว่า เดิมเกษตรกรชาวบ้านหนองแต้ หมู่ 7 ต.นาขาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม มีอาชีพทำนากบ ในช่วงหลังเก็บเกี่ยวทำนาปี มานานหลาย 10 ปี มีชาวบ้านเกือบ 200 ครัวเรือน ที่ยึดอาชีพ ทำนากบขาย จากปกติจะเลี้ยงช่วงประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมิถุนายน เข้าหน้าฝน ก่อนที่จะลงนาปีอีกรอบ โดยจะใช้พื้นที่นา เป็นบ่อเลี้ยงกบ ซึ่งจะเลี้ยงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ไว้อายุประมาณ 1 ปี ถึงช่วงฤดูเลี้ยงจะนำมาปล่อยลงบ่อที่เป็นพื้นที่นา จำนวนตามความเหมาะสม ใช้เวลา 1 คืน ให้กบอายุ 1 ปี ที่พร้อม ผสมพันธุ์วางไข่ และจับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ออกจากบ่อ จากนั้น จะดูแลเพาะเลี้ยงลูกอ็อด ให้โตก่อนนำไปขาย ส่วนอาหารจะเป็นหัวอาหารเลี้ยงปลาดุก ใช้เวลาประมาณ 20 -25 วัน ตัวลูกอ็อดจะโตเต็มที่พอขาย ปกติมีพ่อค้า แม่ค้ามารับซื้อจากทั่วอีสาน กิโลกรัมละประมาณ 80 -100 บาท โดยจะบรรจุใส่ถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม อัดอ็อกซิเจน เพื่อส่งขายไปยังตลาดได้ประมาณ 7 – 8 ชั่วโมง เนื่องจากส่วนใหญ่จะนำไปขายแบบสดๆ แต่ปีที่ผ่านมาเดือดร้อนหนักจากวิกฤติโควิดระบาด พ่อค้าแม่ค้ามาซื้อลดลง จึงหาทางแก้ปัญหาด้านการตลาด ที่ส่งขายไม่ให้ขาดทุน
นายสนธยา ฝาละมี อายุ 45 ปี เปิดเผยอีกว่า จากนั้นจึงได้หันมารวมกลุ่มตั้งวิสาหกิจชุมชนแปรรูปลูกอ็อด และกบ เพื่อทำการแปรรูปทำการตลาดรูปแบบใหม่ คือ การนำลูกอ็อดขายทั้งตัวสด และนำมาแปรรูปนำเครื่องในออก ก่อนนำไปบรรจุถุงซีลถุงสูญญากาศแช่แข็ง มีลูกอ็อด จะขายในกิโลกรัมละ 220 บาท นอกจากนี้ยังมีกบตัวใหญ่อายุประมาณ 2 -3 เดือน ชำแหละแช่แข็งขาย กิโลกรัมละประมาณ 150 บาท ซึ่งซื้อจากเกษตรกรประมาณกิโลกรัมละ 80 บาท นอกจากนี้ได้เพิ่มช่องทางการตลาดออนไลน์ส่งขายทั่วประเทศ รวมถึงต่างประเทศ กลายเป็นสินค้าที่ตลาดต้องการมากขึ้น และสามารถขายได้ตลอดปี จึงได้รับซื้อจากเกษตรกรที่เลี้ยงทั้งลูกอ็อด และกบตัวใหญ่ มาแปรรูป แช่แข็งส่งขายตลอดปี จากที่ขายช่วงประมาณ 2 -3 เดือน เพราะหากลูกกบโตเกินขนาดจะขายยากและแบกต้นทุน จึงใช้วิธีการแช่แข็ง ส่งขาย สามารถเก็บไว้ได้นาน 9 -10 เดือน ทำให้สามารถขายได้ตลอดปีจนถึงรอบปีฤดูกาลผลิตพอดี นอกจากนี้ล่าสุดยังมีออเดอร์ตลาดจากเมืองนอก ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อส่งถึงเมืองนอกมีราคาสูงกิโลกรัมละกว่า 2,000 บาท เพราะต้องบวกค่าขนส่ง ซึ่งมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อ
โดยหลังจากการแปรรูปแช่แข็ง ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านมีงานทำเพิ่มขึ้น ในการชำแหละไส้ลูกอ็อดก่อนบรรจุแช่แข็ง รวมถึงกบสร้างรายได้วันละ 400 -500 บาท ไม่ต้องไปทำงานต่างถิ่นช่วงโควิด ที่สำคัญในช่วงนี้เกษตรกรที่ทำนากบ มีรายได้มากขึ้น บางรายเลี้ยงจำนานมาก สร้างรายได้ ปีละประมาณ 5 แสนบาท ถึงล้านบาท ในช่วงเวลาประมาณ 3 -4 เดือน และพอหมดฤดูทำนากบสามารถทำการเกษตรทำนาปีตามฤดูกาลตามปกติ คาดว่าปีนี้จะสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนสะพัดในหมู่บ้านไม่ต่ำกว่า ปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยไม่กังวลถึงแม้จะเจอสถานการณ์โควิด สนใจสอบถามสั่งซื้อ 089-5716610