โรงพยาบาลโพธิ์ไทร ต้องการเครื่องแปลงสัญญาณเอกซเรย์เป็นภาพดิจิตอล เพื่อวินิจฉัยโรคและให้การรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว เพราะเครื่องเอกซเรย์ชุดเดิม ซึ่งใช้การมานาน เกิดการชำรุด ไม่มีประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรค
หลังสื่อสังคมออนไลน์ แชร์ภาพเครื่องแปลงสัญญาณเอกซเรย์เป็นภาพดิจิตอล ของโรงพยาบาลโพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี ว่า เครื่องเอกซเรย์พัง ชำรุด ซ่อมแล้วซ่อมอีก ไม่มีประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรค จึงร้องขอผู้ใหญ่ใจบุญ หรือผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคสนับสนุนจัดซื้อเครื่องใหม่ เพื่อให้การรักษาและวินิจฉัยโรคให้กับผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้(15มิย.2564) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลโพธิ์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้พบกับ นายแพทย์อิทธิศักดิ์ เจริญทรัพย์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลโพธิ์ไทร พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางโรงพยาบาลประสบปัญหาขาดแคลนเครื่องแปลงสัญญาณเอกซเรย์เป็นภาพดิจิตอล จริง สาเหตุเนื่องมาจาก เครื่องเอ็กซเรย์ชุดเดิมที่ใช้งานมานานกว่า 5 ปี เกิดการชำรุด จนเกิดปัญหาใช้งานเอ็กซเรย์ไม่ได้บ่อยครั้ง ทาง โรงพยาบาลจึงต้องหาทางออกโดยการส่งคนไข้ที่ต้องเอ็กซเรย์ไปเอ็กซเรย์ที่ โรงพยาบาลอำเภอใกล้เคียง เป็นประจำ
กรณีดังกล่าว เป็นปัญหาในการรักษาคนไข้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนไข้ป่วยหนัก เช่นเดียวกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่มาเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลโพธิ์ไทร ก็เช่นเดียวกัน หากมีความจำเป็นต้องเอ็กซเรย์ก็ต้องนำส่งคนไข้ไปเอ็กซเรย์ที่ โรงพยาบาลใกล้เคียง
โดยในช่วงการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลโพธิ์ไทร ได้รับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่เข้ารักษาแล้ว 5 ราย โดย 3 รายรักษาหายแล้ว เหลืออีก 2 ราย ที่ยังคงรักษาตัวอยู่
น.พ.อิทธิศักดิ์ กล่าวว่า ปกติเครื่องเอ็กซเรย์ที่ทาง โรงพยาบาลใช้จนชำรุด มีปัญหาในการใช้งาน ภาพเอ็กซเรย์ขาดความคมชัด และเครื่องต้องหยุดใช้งานเพื่อซ่อมแซมบ่อยครั้ง ซึ่งถ้าเทียบกับเครื่องเอ็กซเรย์สเปคทันสมัยในปัจจุบันจะมีราคาอยู่ที่ประมาณเครื่องละ 1.9 ล้านบาท ซึ่งปัญหาการขาดแคลนนี้ทาง โรงพยาบาลโพธิ์ไทร ก็จะได้ทำเรื่องของบประมาณไปยังหน่วยเหนือ แต่เนื่องจากปัญหาที่ โรงพยาบาลโพธิ์ไทร ยังคงมีเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นขาดแคลนอยู่อีกหลายอย่าง เช่น เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจ , เครื่องให้สารน้ำทางหลอดเลือด, เครื่องตรวจอวัยวะภายในด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และเครื่องอบฆ่าเชื้อในผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินหายใจ (โควิด) ที่จะยื่นขอไปพร้อมกัน ทำให้เกรงว่า หากหน่วยเหนือยอมอนุมัติงบให้ซื้อเครื่องเอ็กซเรย์ที่มีมูลค่าสูงได้ อุปกรณ์อื่นก็อาจถูกตัดงบไป และต้องรอการพิจารณาอนุมัติงบในปีต่อๆไป แต่ถ้าทางหน่วยเหนือเห็นว่าเครื่องเอ็กซเรย์มีราคาสูงและไม่อนุมัติให้ก็อาจต้องใช้วิธีการแก้ไขแบบเดิมคือไปใช้เครื่องของ โรงพยาบาลใกล้เคียง
น.พ.อิทธิศักดิ์ ฯผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธิ์ไทร กล่าวว่า อำเภอโพธิ์ไทร เป็นอำเภอชายแดนติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดูแลพื้นที่จำนวน 71 หมู่บ้าน 6 ตำบล ประชากรประมาณ 47,000 คน ผู้รับบริการประเภทผู้ป่วยนอกเฉลี่ยปีละ 75,000- 80,000 ครั้ง ผู้ป่วยในเฉลี่ยปีละ 3,500 – 3,700 คน มีแพทย์ประจำ 6 คน ระยะทางห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี 98 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการรับบริจาค ทางกระทรวงไม่มีนโยบายหรือระเบียบที่ให้ โรงพยาบาลเปิดเรี่ยไรหรือจัดทำผ้าป่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ ยกเว้นผู้มีจิตศรัทธาภายนอกที่เล็งเห็นความจำเป็นและมีความตั้งใจนำมาบริจาคเอง สามารถโอนผ่านบัญชีเงินบริจาคของโรงพยาบาลโพธิ์ไทร ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 3130835334
ซึ่งกรณีมีผู้บริจาค โรงพยาบาลก็สามารถออกใบเสร็จให้กับผู้บริจาคตามความเป็นจริง โดยผู้บริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีกับสรรพากรได้ตามกฎหมาย




