วันที่ 15 มิย.64 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. , พ.ต.ท.ปิยพล แป้นแก้ว, พ.ต.ท.วริศร มัจฉา, พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ต.อภิชาติ อินยอด สว.กก.6 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.ร่วมกันปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือบุคคลถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ จำนวน 4 คน ได้แก่ 1.นายอรรถพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี 2.นายนายอภิสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี 3.นายสุทธิรักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี และ4.นายสิทธิพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้ใดให้ได้มาซึ่งค่าไถ่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และ มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” พร้อมด้วยของกลาง1.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 แสตนเลส (ไม่มีทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก 2.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 29 นัด 3.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 38 จำนวน 44 นัด 4.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 11 มม.จำนวน 7 นัด รวมกระสุนปืนทั้งหมด 80 นัด พร้อมด้วยของกลางเป็นยาเสพติด (ไอซ์ และกัญชา) อีกหลายรายการ ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.64 ได้มี น.ส.จินดาฯ อายุ 48 ปี มาร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.ขอให้ช่วยสืบสวนหาตัวนายจาฎพันธุ์ฯ อายุ 24 ปี บุตรชาย ซึ่งถูกกลุ่มคนร้ายที่ยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ใช้กำลังขู่บังคับจับตัวนายจาฎพันธุ์ฯ จากรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.พัทลุง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 เวลาประมาณ 13.45 น. โดยคนร้ายได้นำตัวนายจาฎพันธุ์ฯ ขึ้นรถยนต์ของกลุ่มคนร้ายแล้วขับหลบหนีไป โดยไม่ทราบว่าพาตัวไปที่ใด ต่อมากลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์ติดต่อ น.ส.จินดาฯ เพื่อเรียกเงิน จำนวน 2,000,000 บาท แลกกับการปล่อยตัวนายจาฎพันธุ์ฯ โดยมีการส่งภาพของนายจาฎพันธุ์ฯ ที่ไม่สวมเสื้อ มือและเท้าถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ขังอยู่ภายในห้องแห่งหนึ่ง มาให้ น.ส.จินดาฯ ดูด้วย เมื่อได้รับแจ้งดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนช่วยเหลือระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้ทำการสืบสวนด้วยข้อมูลต่างๆจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้คือนายอรรถพันธ์ฯ กับพวก (ผู้ต้องหาในคดีนี้) ซึ่งใช้บ้านเช่าบริเวณ ม.5 ต.ทำนบ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เป็นที่กักขังนายจาฎพันธุ์ฯ และใช้พื้นที่บริเวณขนำไม่มีเลขที่ ม.1 ต.ทำนบ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เป็นที่จอดรถยนต์ที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุ ต่อมาวันที่ 14 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 16.30 น. จึงได้ปฏิบัติการเข้าทำการช่วยเหลือนายจาฎพันธุ์ฯ ผู้ถูกกักขัง โดยนำกำลังปิดล้อมจู่โจมเข้าไปที่บ้านเช่าและขนำไม่มีเลขที่ ทั้งสองจุด เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบนายอรรถพันธ์ฯ ผู้ต้องหากับพวกรวม 4 คน อยู่ภายในบ้าน พร้อมกับตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดรายการอื่นๆ ไว้เป็นของกลางในคดี และพบนายจาฎพันธุ์ฯ พร้อมกับนายรุสดีฯ อายุ 30 ปี เพื่อนของนายจาฎพันธุ์ฯ ถูกล่ามโซ่ขังอยู่ในบ้านรวมกับนายจาฎพันธุ์ฯ ด้วย จากการสอบถามปากคำนายอรรถพันธ์ฯ กับพวก ยอมรับว่าจับตัวนายรุสดีฯ มากักขังไว้ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.64 ส่วนนายจาฎพันธุ์ฯ ได้ถูกจับมากักขังไว้ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.64 สาเหตุเพราะบุคคลทั้ง 2 ติดค้างเงินค่ายาเสพติดจากนายทุนผู้ค้ายาเสพติดคนหนึ่ง จึงได้ว่าจ้างให้ตนกับพวกจับตัวบุคคลทั้งสองมากักขังเพื่อทวงหนี้ โดยได้เรียกเงินจากมารดาของนายจาฎพันธุ์ฯ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวจริง จึงได้ทำการควบคุมตัวนายอรรถพันธ์ฯกับพวก พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สิงหนคร จ.สงขลา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากข้อมูลการสืบสวนพบว่านายอรรถพันธ์ฯกับพวกมีพฤติกรรมรับจ้างทวงหนี้นอกระบบ และจับคนมาเรียกค่าไถ่ ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายอรรถพันธ์ฯ เคยรับราชการตำรวจอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถูกไล่ออกจากราชการเมื่อปี 58 นอกจากนี้ยังถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (ลูกระเบิด) ถูกศาลจังหวัดสตูล พิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือนกันยายน ปี 63 และยังคงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติยังพบอีกว่า นายอรรถพันธ์ฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสตูล ที่ 243/2563 ลงวันที่ 10 ต.ค.2563 ในความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” อีกด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด และจะได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป