จากกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการไต่สวนเบื้องต้นกับ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผกก.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีความผิดฐานทุจริตเงินจัดสรรค่าตอบแทน หรือค่าเบี้ยเลี้ยงงบ โควิด-19 ของสภ.ทุ่งสง ว่าการกระทำของ พ.ต.อ.สมพงศ์ มีมูลความผิดทางอาญา และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตเงิน เบี้ยเลี้ยงงบ โควิด-19 วันที่ 15 มิ.ย.64 ที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. กล่าวเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบการทุจริตเรื่องเบี้ยเลี้ยง โควิด-19 ตามที่พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ จเรตำรวจ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันทีที่ปรากฏว่ามีการร้องเรียน ตั้งแต่ช่วง ต.ค. 63 โดยมีการตรวจสอบ การตั้งกรรมการทางวินัยไปแล้วนั้น กรณีในส่วนของ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ซึ่งที่ผ่านมาจเรตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และตรวจสอบพบว่ามีมูลว่ากระทำผิดจริง จึงส่งข้อมูลให้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธภาค 8 ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ดำเนินการตั้งกรรมการสืบสวนทางวินัย โดยคณะกรรมการมีความเห็นว่า มีมูลความผิดจริง โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้พิจารณาลงทัณฑ์เบื้องต้น ให้รับโทษโดยการตัดเงินเดือน และกักยาม 3 วัน และเดียวกันสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งข้อมูลผลการตรวจสอบ และรายงานผลให้ ปปช. และ สตง.รับทราบ พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้ง เจ้าตัวยังดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ ป.ป.ช.พิจารณามีมติดังกล่าวแล้วส่งเรื่องกลับมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการในอำนาจ โดยพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรงตามฐานความผิดที่ ป.ป.ช.ชี้มูลและเร่งดำเนินการภายใน 30 วันทันที สำหรับระดับโทษทางการกระทำความผิดทางวินัยร้ายแรงนั้น ได้แก่ปลดออก และ ไล่ออก 2. ระดับโทษสำหรับความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ได้แก่ทัณฑกรรม กักยาม กักขัง และตัดเงินเดือน 3.ระดับโทษสำหรับความผิดวินัยเล็กน้อย ได้แก่ ภาคทัณฑ์ ดังกล่าว