เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ในการประชุมวุฒิสภา ในการพิจารณาพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ต่อมานายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายว่า ที่ผ่านมาตนคัดค้านกฎหมายกู้เงิน ในรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย เพราะตัดบทบาทการตรวจสอบของอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ อีกทั้งข้อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 แต่รอบปัจจุบันตนจะสนับสนุนและอนุมัติในรัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพราะตามกฎหมาย รวมถึงรัฐธรรมนูญกำหนดให้ดำเนินการได้ อย่างไรก็ดีตนแทบไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้านพ.ร.ก.ดังกล่าวแต่ขอเสนอแนะรัฐบาลไว้ปฏิบัติในอนาคต เพื่อเป็นทางเลือก คือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 มาตรา 21 ขยายกรอบยอดเงินกู้ในกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อใช้เฉพาะกิจยามวิกฤต เช่น 2 ปี หรือ 5 ปี จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงว่าข้อสังเกตดังกล่าวตนจะรับไว้พิจารณา แต่รัฐบาลต้องระวัง พิจารณาสิ่งใดที่ทำได้ โดยจะพยายามทำในรูปแบบใหม่ เพราะไม่ต้องการให้กลับไปเป็นแบบเดิม สำหรับรายละเอียดของให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อ ส่วนตนต้องไปเข้าพบทูต ที่เข้าพบทุกวัน ซึ่งตนไม่ทราบว่ามาทำไมทุกวัน ประเทศไทยแย่มากหรือยังไง ทั้งนี้ทูตที่มาพบ มาพูดเรื่องลงทุน ความร่วมมือ กรอบการเจรจา เอฟทีเอ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางอาเซียน ส่วนประเทศจีนก็มา "เคยมีบางคน บอกว่า หากเขาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเข้าพบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผมไม่รู้ว่าจะไปได้หรือไม่ แต่เขาส่ง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมาพบผม นี่คือ ประเทศไทย ต้องภูมิใจไทย ในความเป็นพหุวัฒนธรรม ส่วนปัญหาต้องแก้ไปเรื่อยๆ การจัดสรรงบต้องให้เพียงพอ หากไม่พอต้องค่อยทำต่อให้ได้ เรื่องใดสำคัญเร่งด่วนต้องปรับ ส่วนโครงการที่คัดกรองแล้วทำไม่ได้ ต้องเลิก หากมี ทุจริตต้องฟ้องศาล วันนี้เหตุผลที่ต้องออก พ.ร.ก. เพราะงานเร่งด่วน ต้องทำวันนี้ ส่วน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 จะใช้เดือนกันยายน ดังนั้นจะเอาไหนใช้ช่วงนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นส.ว.ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ท้วงติง และเสนอแนะรัฐบาลให้ใช้เงินให้เกิดประสิทธิพล โดยเฉพาะการนำเงินมาแก้ไขปัญหาโควิด และจัดหาวัคซีนฉีดให้ประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม จากนื้นเวลา 17.00 น.ได้ลงมติร่างพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ด้วยคะแนน 205 งดออกเสียง 2