วันที่ 14 มิ.ย.64 ที่พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ประชุมเพื่อหารือถึงการยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกัน โดยมีหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นเวลา 11.50 น.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาระสำคัญ 3 ประเด็น คือ 1.พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นพ้องต้องกันว่ารัฐสภาต้องจัดให้มีการประชุมเรื่องร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติเสียก่อน เมื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติเสร็จแล้ว จึงค่อยพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีรายละเอียด ดังนี้ 2.1 การแก้ไขรายมาตราในมาตรา 272 พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะยื่นญัตตินี้พร้อมกัน 2.2 การยื่นแก้ไขมาตรา 256 พรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้นำเสนอ โดยขอยืนยันหลักการเดิมที่เคยเสนอไป แต่พรรคเพื่อไทยไม่ปิดโอกาสที่จะให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นมาร่วมเสนอ และ 2.3 ประเด็นอื่นๆ เช่น สิทธิเสรีภาพของประชาชน ระบบการเลือกตั้ง และเรื่องอำนาจ ส.ว.รวมถึงการนิรโทษกรรมคสช. พรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้นำเสนอญัตติ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านใดจะร่วมเสนอก็ยินดี ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านจะร่วมกันเสนอญัตติต่อประธานสภาในวันที่ 16 มิ.ย.นี้
ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลพยายามลากยาวอำนาจ เพราะฉะนั้นพรรคก้าวไกลไม่ต้องการมีส่วนร่วม หรือร่วมสังฆกรรมกับการแก้รายมาตราของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และหากเรียงลำดับความสำคัญของกฎหมายร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ต้องมาก่อน เป้าหมาย และโจทย์ใหญ่ในการแก้รัฐธรรมนูญธรรมนูญครั้งนี้อยู่ที่ 250 ส.ว.ที่มีส่วนในการเลือกนายกฯ นี่คือจุดร่วมที่พรรคก้าวไกลเสนอมาตั้งแต่เป็นอนาคตใหม่ เราจึงจะลงชื่อร่วมเสนอเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เป็นร่างตามลงมาก็มีส่วนที่สำคัญ แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดที่เราไม่อยากให้หลุดประเด็นไปคือเรื่อง 250 ส.ว.เราจึงเน้นเรื่องนี้ก่อน
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ตนสนับสนุนหลักการในระบบรัฐสภา ซึ่งในวันที่ 22 - 23 มิ.ย.นี้ ที่ฝ่ายค้านได้รับการประสานงานจากเลขานุการของประธานรัฐสภาว่า จะนำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาพิจารณาก่อน โดยทางรัฐบาลขอเป็นวาระพิเศษ ตนเห็นว่า ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาครั้งนี้ ไม่ได้มีฉบับของรัฐบาลเลยแม้แต่ฉบับเดียว แต่เป็นฉบับของพรรคการเมืองหนึ่งเท่านั้น ตนจึงอยากขอร้องให้ประธานรัฐสภาทำหน้าที่ในการบรรจุวาระ ไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่รัฐสภาจะนำเรื่องรัฐธรรมนูญเข้ามาพิจารณาก่อนเรื่อง พ.ร.บ.ประชามติ ถ้ารัฐสภายอมให้เรื่องใดเรื่องหนึ่งถูกบรรจุเข้ามาเป็นวาระพิเศษได้แปลว่า รัฐบาลมีอำนาจเหนือรัฐสภา อยากให้ประธานวิปฝ่ายค้านประสานกับทางประธานรัฐสภาให้รักษาเกียรติของรัฐสภาไว้ก่อน นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนช่วยกันติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไขวิกฤติของประเทศชาติ ไม่ใช่แก้ไขปัญหาให้กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อยากย้ำว่า ทางเราเห็นว่า สิ่งที่ระบอบ คสช.กำลังทำอยู่ ผ่านการเสนอแก้ไขรายมาตราที่นายไพบูลย์เสนอ หัวใจจริงๆเป้าหมายมีเพียง 2 เรื่อง คือ 1.ทำอย่างไรก็ได้ที่จะไม่ให้มีการเปิดช่องจนนำไปสู่การยกเลิกรัฐธรรมนูญ 60 แล้วให้ประชาชนมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และ 2.มีการสร้างเงื่อนไขต่างๆให้นายกฯคนต่อไปยังเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยหัวใจสำคัญที่เขาเสนอคือระบบการเลือกตั้งที่คิดว่าวันนี้ตัวเองได้เปรียบด้วยอำนาจรัฐ และอำนาจอิทธิพลต่างๆ และเปิดช่องให้ให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลสามารถเข้าไปเบียดบังงบประมาณแผ่นดิน และแทรกแซงข้าราชการเพื่อประโยชน์ทางการเมืองในอนาคตได้ ดังนั้น พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การกำหนดวาระการประชุมร่วมของรัฐสภานี้ เป็นอำนาจเต็มของนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เราไม่อยากเห็นว่า ประธานรัฐสภาไปจัดวาระการประชุมเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเพียงพรรคเดียว นี่คือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และอธิบายไม่ได้