เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้รับความร่วมมือกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ซึ่งสนับสนุนอากาศยานและกำลังพล โดยขณะนี้มี 13 หน่วยฯ กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง และการเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% รวมไปถึงลุ่มรับน้ำต่างๆ เพื่อที่จะได้เป็นน้ำต้นทุนในไว้ใช้ทำการเกษตรต่อไป สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ ไม่ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง เนื่องจากลมในระดับปฏิบัติการมีกำลังแรง ประกอบกับสภาพอากาศปิด มีเมฆชั้นกลางชั้นสูงปกคลุมท้องฟ้า และมีฝนตกบริเวณสนามบินและพื้นที่โดยรอบ ทั้งนี้ มีการติดตามสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน เพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงในการช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลนน้ำต่อไป นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านการติดตามสภาพอากาศเพื่อวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวง พบว่า จากข้อมูลแผนที่อากาศผิวพื้นของกรมอุตุนิยมวิทยา พายุดีเปรสชั่น “โคะงุมะ” ได้สลายตัวกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำอยู่ทางบริเวณประเทศลาวตอนบน ทำให้เกิดร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านทางประเทศพม่า และประเทศลาวตอนบน อย่างไรก็ตามส่งผลให้ภาคเหนือตอนบนทางฝั่งตะวันออก มีโอกาสเสี่ยงต่อฝนตกหนักถึงหนักมากได้ สำหรับผลการตรวจสภาพอากาศเช้าวันนี้จากสถานีเรดาร์ในภาคตะวันออกเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการ จำนวน 1 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่ หน่วยฯ จ.สระแก้ว ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรจ.ปราจีนบุรี จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ อีก 12 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จะติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_pr หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100 และสามารถติดตามรับชมรายการ “ใต้ปีกฝนหลวง” ได้ผ่านช่องทาง YouTube ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร