วันที่ 14 มิ.ย.64 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่ง สว.) นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อสนับสนุนโครงการกองทุนการศึกษา วุฒิสภา เป็นประธานในพิธีรับมอบหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ เพื่อสนับสนุนโรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษา โดยมี พล.อ. วรพงษ์ สง่าเนตร สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาด้านกายภาพแก่โรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษา พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และนายวิชา มหาคุณ ประธานกรรมการมูลนิธิต่อต้านการทุจริต เข้าร่วมพิธี
นายศุภชัย กล่าวว่า โครงการกองทุนการศึกษาเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมอบหมายให้คณะองคมนตรีดำเนินการโครงการกองทุนการศึกษา และต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับพระราชกรณียกิจอันสำคัญนี้ โดยมีพระบรมราโชบายสืบสาน ต่อยอดโครงการกองทุนการศึกษาให้ดีขึ้นในทุกมิติ วุฒิสภา ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องการศึกษา การพัฒนาเด็กให้เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรมและมีจิตอาสา จึงได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนโครงการกองทุนการศึกษาให้แก่โรงเรียนที่ด้อยโอกาส
สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ คณะอนุกรรมการพัฒนาด้านกายภาพแก่โรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษาได้จัดขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนหน้ากากอนามัย จำนวน 50,000 ชิ้น เจลแอลกอฮอล์ จำนวน 240 ขวด และลูกฟุตบอล จำนวน 24 ลูก จากมูลนิธิต่อต้านการทุจริต ซึ่งคณะกรรมการฯ จะนำไปมอบให้โรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษาที่ยังขาดแคลน จำนวน 3 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โรงเรียนบ้านทองอินทร์สวนมอญ จังหวัดอุดรธานี และโรงเรียนบ้านน้ำจวง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ต่อไป
ทางด้านนายวิชา กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางมูลนิธิต่อต้านการทุจริตได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญในการเรียนการสอนท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้นจึงได้ร่วมสนับสนุนทั้งเจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย รวมถึงลูกฟุตบอล เพื่อส่งต่อไปยังโรงเรียนในการกองทุนการศึกษาของวุฒิสภา ทั้งนี้ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทางมูลนิธิยังคงเดินหน้าโครงการช่อสะอาด ซึ่งเป็นโครงการที่ให้โรงเรียน ชุมชน และวัด และองค์กร เพื่อสนับสนุนการต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบดำเนินงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อไม่เป็นการทอดทิ้งประชาชนในการร่วมต่อต้านการทุจริต