วันที่ 13 มิ.ย.64 นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงหลักการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ว่า การจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ใช้ข้อมูลทางวิชาการจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมายเชิงประชากร โดยในช่วงกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม เริ่มฉีดกลุ่มแรกคือ บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยหรือมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย เช่น แพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ อสม. เป็นต้น และฉีดประชาชนบางส่วนในพื้นที่ระบาด ส่วนเดือนมิถุนายนฉีดในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังที่หากติดเชื้อมีโอกาสเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ โดยเปิดให้นัดหมายเข้ารับวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนจำนวนมากพร้อมกันทั่วประเทศซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นมา จึงมีนโยบายให้กลุ่มผู้สูงอายุและ 7 โรคเรื้อรังได้รับการฉีดวัคซีนตามนัดหมายเป็นหลักก่อน นอกจากนี้ ยังมีการฉีดในประชาชนเพื่อควบคุมการระบาด และกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพิ่มเติม เช่น กลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเตรียมเปิดเทอม, คนทำงานขนส่งสาธารณะเนื่องจากมีความใกล้ชิดประชาชน ช่วยป้องกันไม่ให้รับเชื้อและแพร่เชื้อต่อ เป็นต้น
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจัดส่งวัคซีนให้ทุกจังหวัดตามนโยบายของ ศบค. ซึ่งคิดจากตัวเลขที่แต่ละจังหวัดตั้งมาและปรับตามสูตรการคำนวณ ให้สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่ส่งมอบให้กรมควบคุมโรค โดยเดือนมิถุนายนมีการกระจายวัคซีนเป็น 2 งวด ครอบคลุมการฉีดในระยะ 2 สัปดาห์ คือ งวดแรกวันที่ 7-20 มิถุนายน ประมาณ 3 ล้านโดส คือ ซิโนแวค 1 ล้านโดส และแอสตร้าเซนเนก้า 2 ล้านโดส เบื้องต้นมีการจัดส่งไปยัง กทม. 5 แสนโดส (แอสตร้าเซนเนก้า 3.5 แสนโดส และซิโนแวค 1.5 แสนโดส) สำนักงานประกันสังคม 3 แสนโดสฉีด กทม.เป็นหลัก กลุ่มมหาวิทยาลัย 11 แห่งของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) 1.5 แสนโดส ฉีด กทม.เป็นหลัก กลุ่มหมอพร้อม 76 จังหวัด 1.1 ล้านโดส จุดฉีดต่างๆ สำหรับองค์กรภาครัฐ เช่น ขนส่ง ทหาร ตำรวจ และครู 1 แสนโดส และควบคุมการระบาด 5 หมื่นโดส ส่วนงวดที่ 2 สำหรับวันที่ 21 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม อีก 3.5 ล้านโดส เป็นซิโนแวค 2 ล้านโดส และแอสตร้าเซนเนก้า 1.5 ล้านโดสรวมมากกว่า 6 ล้านโดส
“กระทรวงสาธารณสุขจัดส่งวัคซีนโควิด 19 ตามนโยบายรัฐ ส่วนภารกิจการกระจายต่อไปยังโรงพยาบาลหรือจุดฉีดในแต่ละจังหวัดเพื่อให้เกิดการฉีดวัคซีนได้อย่างต่อเนื่องนั้น มีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครดำเนินการต่อ ซึ่งขอให้แต่ละจังหวัดปฏิบัติตามนโยบาย โดยเน้นฉีดกลุ่มผู้สูงอายุและ 7 โรคเรื้อรังที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมก่อน เพื่อป้องกันกลุ่มมีโอกาสเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต”