เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.64 เฟซบุ๊กชื่อว่า นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักเขียนสารคดีชาวเมืองเพชรบุรี ได้โพสต์ข้อความ ลูกแก้วนางเมขลาอายุราว 200 ปี ในโบสถ์เก่าวัดกุฏิท่าแร้ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี สร้างขึ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้หายไปหลังจากการบูรณะใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา โดยระบุข้อความว่า... “ดิฉันเป็นคนหลงรักนางเมขลา ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ฟ้าแลบฟ้าร้อง ฟ้าผ่า มักออกไปยืนกลางแจ้ง แหงนดูประกายไฟแสนสวยจากลูกแก้วนางเมขลา สะท้อนวับเป็นเส้นสายฟ้า แวบวาบจับตา แล้วมีเสียงเปรี้ยงปร้าง คำรามเกรี้ยวกราดจากแรงขว้างขวานของยักษ์รามสูร . “เป็นเสียงเป็นภาพสวยสุดประมาณ ฟ้าร้องเมื่อไหร่เด็กน้อยนิพัทธ์พรจะกระโดดผึงไปยืนกลางแจ้ง ดูภาพฟ้าผ่า ฟังเสียงฟ้าร้อง ชมแสงงามหลากสี ไม่มีกลัวเลยล่ะว่าฟ้าจะผ่าหัวกระบาล เพิ่งมาบันยะบันยัง ระวังฟ้าผ่ากับเขาเป็น เมื่อโตวัยรุ่นขึ้นมาล่ะกระมัง . “นั้นทำให้ ดิฉันพบภาพนางเมขลาที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม หรืองานปูนปั้น ดิฉันจะตามไปเฝ้าดู ยืนดู สอดส่อง แหงนมอง ดูแล้วดูอีก ไม่เลิกรา รวบรวมถ่ายภาพ ทั้งยักษ์รามสูรและนางเมขลา มาเป็นสิบๆปี . “ได้ภาพกลับมาบ้าน ก็มาเปิดดู เปิดชม ชมแล้วชมอีก ส่องแล้วส่องอีก ไม่เลิกรา ภาพนางเมขลางามๆ จึงจับตาดิฉันอย่างยิ่ง . “ปกหนังสือนานาภาษาดาวแสนรักของดิฉัน ยังเอารูปนางเมขลาฝีมือครูอยู่ อินมี ไปแปะไว้หน้าปกเลยล่ะค่ะ” ในโพสต์ดังกล่าวระบุต่อไปว่า . “เมื่อวันที่ 6 มิถุยายน 2563 ช่วงบูรณะโบสถ์เก่าวัดกุฏิท่าแร้ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ดิฉันไปดูการบูรณะ ช่วงนั้นมีเรื่องมีราวขัดแย้งหลายประการในการบูรณะ มีการต่อสู้ให้ทีมช่างเพชรบุรีได้มาซ่อมวัดกุฏิ ด้วยเหตุผลที่ช่างเมืองอื่นฝีมือไม่ถึง ประชาชน ชาวบ้าน นักวิชาการท้องถิ่น สื่อท้องถิ่นและสื่อส่วนกลางสู้กันอยู่หลายเดือน กว่าจะให้ทีมช่างเพชรบุรีเข้าไปรับงานซ่อมบูรณะวัดกุฏิได้ . “ช่วงนั้นดิฉันเข้าไปที่วัดกุฏิหลายครั้ง ทั้งไปดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง การซ่อมบูรณะทำไปถึงไหนแล้ว ที่สำคัญก็คือดิฉันหลงรักงานปูนปั้นงามวัดกุฏิอย่างมากๆ ชอบมาก เลยได้ถ่ายภาพปูนปั้นหน้าบันปีกนกของโบสถ์เก่าวัดกุฏิที่กำลังบูรณะ เป็นภาพนางเมขลาล่อแก้ว ถือลูกแก้วแวววับงามหยด . “เมขลาตนนี้ นางวาดแขน เยื้องกราย สวยเหมือนนางละคร คงปั้นมาเป็นร้อยๆปี ตั้งแต่ต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ดูแล้วครูช่างน่าจะปั้นไว้ในช่วงสมัยร.3 (ถามเพนดูลัมก็บอกว่าประมาณสมัยร.3 คือประมาณ 200 ปีมาแล้ว) แม้ประตูโบสถ์วัดกุฏิ จะเป็นงานสลักไม้รุ่นอยุธยา แต่งานปูนปั้นประดับคงต้นรัตนะ นางเมขลาตนนี้งามเฉิดฉัน งามหยดเหลือจะกล่าว . “ช่วงการบูรณะโบสถ์วัดกุฏิเมื่อปีก่อน ดิฉันไปยืนส่องและถ่ายภาพปูนปั้นนางเมขลาล่อแก้วท่ามกลางนั่งร้านซ่อมหลังคาโบสถ์มา ยังจำได้ว่า แสงแว้บๆของลูกแก้ว สะท้อนเข้าตาจนต้องหลบสายตา เจอแบบนี้ยิ้มเลย นางเมขลาล่อแก้วซะกลางแดด ล้อเล่นกับลูกหลานที่มาชมนางล่ะกระมัง! . “ส่วนปูนปั้นยักษ์รามสูรตรงหน้าบันปีกนกอีกด้าน คอขาด หัวหาย ขวานพัง แต่ดิฉันก็ถ่ายภาพมาด้วย ถ่ายภาพมาทั้งพังๆ เอาไว้ดูคู่กับนางเมขลา . “วันที่ 10 มิถุนายน 2564 แทบพอดีเป๊ะซะด้วยกับที่ดิฉันเคยไปถ่ายภาพนางเมขลามาเมื่อหนึ่งปีก่อน เพราะเป็นเดือนมิถุนายนเหมือนกัน ต้นฝนเหมือนกัน ถึงเวลาที่นางเมขลาจะล่อแก้วเรียกรามสูรมาขว้างขวานคำรามเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าประจำปีนี้แล้ว . “เดือนมิถุนายนปีนี้ โบสถ์วัดกุฏิท่าแร้งบูรณะเสร็จไปนาน ดิฉันตั้งใจจะเขียนเรื่องนางเมขลาให้ อนุสาร อสท. อยากเห็นนางเมขลาวัดกุฏิงามบรรเจิด ป่านนี้หลังคาซ่อมเสร็จ ไม่มีนั่งร้านกีดขวาง ฉะนั้นไป “หาเรื่อง” ถ่ายภาพนางเมขลาสวยๆมาลงพิมพ์ใน อสท.ซะดีกว่า . “มุ่งไป “หาเรื่อง” เลย “ได้เรื่อง” มันซะจริงๆ โบสถ์วัดกุฏิท่าแร้งบูรณะเสร็จแล้ว เงียบเหงาอยู่กลางปรอยเม็ดฝน ดิฉันเดินฝ่าฝนอ่อน ไปถ่ายภาพนางเมขลา แล้วก็ต้องอ้าปากเหวอ...เหวอจริงๆ ไปไม่ถูกเลย . “ไอ๊หยา... เวร... ลูกแก้วนางเมขลาหายไปไหน? ลูกแก้วนางเมขลาลาหายไปไหนล่ะนี่? ลูกแก้วที่เคยมีประกายแว้บล่อสายตารามสูร สะท้อนแสงล้อเล่นใส่สายตาดิฉัน วันนี้ไฉน เหลือเพียงลูกปูนปั้นกลมๆ ดำๆ ช้ำรัก เหมือนลูกเทนนิสเก่าเน่าหนอนขึ้นรา อยู่ในมือนางเมขลา! . “ประกายแก้วของลูกแก้วนางเมขลา ถูกสกัดไปทำเครื่องรางของขลัง ลงอาคมใน “กรุ” ของใคร ของข้าราชการ?เจ้าหน้าที่? หรือนายช่างคนไหน? ที่มารับงานร่วมบูรณะโบสถ์วัดกฏิท่าแร้ง จนมาย่ำยีนางเมขลา มาล้วงเอาดวงแก้วดวงใจนางเมขลา เชิดหายไม่เห็นเงา ไม่เหลือประกายแสงไว้ล่อขวานรามสูรตนใดอีกแล้ว . “ชิ ..อุตส่าห์ไปทำปูนปั้นต่อหัวรามสูรอีกฟากหน้าบันปีกนก ทำการซ่อมบูรณะ ปั้นขวานใส่มือให้รามสูรสำเร็จเรียบร้อย แต่ดันมาล้วงเอาดวงแก้วของนางเมขลาไปซะฉิบ ยังงี้จะไปซ่อมขวานรามสูรหาหอกอะไร จะให้รามสูรเอาขวานไปเขวี้ยงหัวใครล่ะ ช่างทำได้ลงคอเชียวนะ ทุเรศจริงๆ . “ใครมันจะปีนขึ้นไปล้วงลูกแก้วจากมือนางเมขลาบนหลังคาโบสถ์วัดกุฏิท่าแร้งได้ ก็พวกนายช่างซ่อมปูนปั้นนั้นแหละ ใครเป็นใคร จะแค่บางคนล้วงไป หรือเอากันทั้งทีม ใครเป็นใคร ไปตามมาดูหน่อยซิ หรือใครอื่นปีนนั่งร้านขึ้นไปฉกลูกแก้วนางเมขลาเอาไปได้ นายช่างที่บูรณะอยู่ มองไม่เห็น หรือไม่สนใจจะดูแลบ้างล่ะหรือ? . “ดิฉันเล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อ ศาสตราภิชานล้อม เพ็งแก้วฟังแล้ว พ่อบอกว่า . “ดูเอาเถอะ ต่อสู้กันสุดกำลังให้ทีมช่างเมืองเพชรได้มาซ่อมวัดกุฏิ เพราะช่างที่อื่นฝีมือไม่ถึง แล้วมาทำกันแบบนี้ น่าอายจริงๆ ส่วนกรมศิลปากรก็ชุ่ยเหมือนเดิม ตรวจรับงานประสาอะไร ชุ่ยได้ขนาดนี้” . “ดิฉันจึงขอจารึกไว้ตรงนี้เลยว่า กรมศิลปากรช่วยมาให้คำตอบหน่อย นายช่างที่บูรณะโบสถ์วัดกุฏิท่าแร้ง ช่วยมาให้คำตอบหน่อย ลูกแก้วนางเมขลาหายไปไหน? ไปอยู่ในกรุสมบัติบ้านใคร?