เรือนจำกลางฉะเชิงเทราเหลืออีกเพียง 707 ชีวิตที่ยังไม่ติดเชื้อโควิด 19 พบสถิติการระบาดรุนแรงลดลงต่อเนื่อง 3 วัน ด้าน อบจ.แปดริ้ว ควักงบช่วยพยุงเสริมศักยภาพ รพ.สนามภายในการดูแลผู้ป่วยแล้ว 1.3 ล้านบาท ขณะ ผบ.เรือนจำย้ำ “ยังเอาอยู่” ไม่มีผู้ต้องขังป่วยมีอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต เชื่อสัปดาห์หน้ามีหายป่วยล็อตใหญ่ถึงกว่า 700 ราย วันที่ 11 มิ.ย.64 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา จากข้อมูลของ รพ.สนาม ว่าในวันนี้ยังคงมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 34 ราย จึงทำให้มีผู้ต้องขังป่วยสะสม 1,980 คน จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 2,687 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 73.68 ของจำนวนผู้ต้องขังที่อยู่ภายในเรือนจำแห่งนี้ และยังเหลือผู้ต้องขังที่ยังไม่ติดเชื้ออีกเพียง 707 คน โดยยังอยู่ระหว่างทำการรักษา 1,538 คนและรักษาหายแล้วจำนวน 331 คน ขณะที่ น.ส.สมสกุล แอลเฟรด รักษาการ ผบ.เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทราว่า ถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อมีอาการถึงขั้นวิกฤต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ คือ สีเขียว และมีอาการแต่ไม่รุนแรง คือ สีเหลือง ซึ่งทั้งหมดรอผลการทำการรักษาเป็นเวลา 14 วัน และจะต้องใช้เวลาในการพักตัวอีก 14 วัน ในการดูแลรักษาผู้ป่วยหากเริ่มมีการเหนื่อยหอบจากโรคประจำตัว ทางเรือนจำจะเร่งนำไปทำการรักษายังภายนอกเพื่อนำไปคลี่คลายสถานการณ์ และไม่ตกไปเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีแดงหรือมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น ขณะนี้จึงมีผู้ต้องขังหายป่วยแล้วจำนวน 331 คน ส่วนการระบาดภายในมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วันแล้ว สำหรับโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำนั้น ก็คือเรือนนอนของผู้ต้องขัง เนื่องจากผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวมีเป็นจำนวนมากที่ไม่มีอาการ จึงได้แจกยาฟ้าทะลายโจรให้ ส่วนในกลุ่มสีเหลืองได้ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งขณะนี้มีเพียงพอแล้วจึงไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้ต้องวิตกกังวลเลย โดยที่มีทางเจ้าหน้าที่และทีมงานแพทย์พยาบาลจาก รพ.พุทธโสธร ได้เข้ามาคอยดูแลผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำให้ได้เป็นอย่างดีมาก หรือดีเยี่ยม จึงขอให้มั่นใจว่าทาง รพ.สนามในเรือนจำยังเอาอยู่ ซึ่งสิ่งที่ทางเรือนจำยังขาดแคลนนั้น เกี่ยวกับอุปกรณ์ในการป้องกันตัวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ใน รพ.สนาม รวมถึงเจ้าหน้าที่ภายในเรือนจำเอง โดยทางกรมราชทัณฑ์ได้พยายามจัดสรรมาให้แต่ยังไม่เพียงพอ จึงมีผู้นำสิ่งของมาช่วยบริจาคด้วย นอกจากนี้ทาง อบจ.ฉะเชิงเทรา ยังได้มีการจัดสรรเงินงบประมาณมาช่วยเหลือยังโรงพยาบาลสนามอีก จำนวน 1,300,080 บาท อีกทั้งทางนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ยังได้นำเงินส่วนตัวที่นำมาซื้อขนมปังบรรจุปี๊บ ที่ผู้ต้องขังส่วนใหญ่ชอบรับประทานมามอบให้ในนาม “กลุ่มร่วมทำความดี” อีกจำนวน 500 กก.หรือครึ่งตัน (100 ปี๊บ ) มามอบให้ เนื่องจากผู้ต้องขังจำนวนหนึ่งไร้ญาติขาดคนเข้ามาเยี่ยมดูแลเป็นกำลังใจให้ ก็จะได้รับกำลังใจจากตรงส่วนนี้จากสังคมภายนอกในการช่วยดูแลด้านจิตใจของผู้ต้องขังไปอีกทางหนึ่ง ที่อย่างน้อยก็ยังมีคนเห็นใจและให้กำลังใจอยู่ น.ส.สมสกุล กล่าว ด้านนายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตนเองพร้อมครอบครัวรวมถึงคณะผู้บริหาร อบจ.ฉะเชิงเทรา ได้รวบรวมเงินส่วนตัวในการนำมาจัดซื้อขนมปัง และสิ่งของใช้อื่นๆ เพื่อนำมามอบให้แก่ทางเรือนจำกลางฉะเชิงเทราในนาม “กลุ่มร่วมทำความดี” เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และจะพยายามให้การช่วยเหลือต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะผ่านพ้นไป ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.64) ได้ทำการมอบเงินงบประมาณที่จัดสรรไว้สำหรับนำมาช่วยเหลือ รพ.สนามของเรือนจำกลางฉะเชิงเทราแล้ว จำนวน 1.3 ล้านบาท ผ่านมาทาง นพ.กสิวัฒน์ ศรีประดิษฐ์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งคาดว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะลงมาถึงยัง รพ.สนามแห่งนี้ในไม่ช้า เพื่อนำมาใช้จ่ายจัดซื้อเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ในการนำมาใช้ในการป้องและรักษาโรคโควิด 19 ที่กำลังระบาดอยู่ภายในเรือนจำขณะนี้ต่อไป นายกิตติ กล่าว ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ในภาพรวมของจำนวนผู้ติดเชื้อภายใน จ.ฉะเชิงเทรา ในวันนี้จากศูนย์ข้อมูลข่าวสารโควิด 19 จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ขณะนี้ จ.ฉะเชิงเทรา มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 3,307 ราย มีผู้เสียชีวิต 15 รายจากการระบาดระลอกแรก 21 รายเสียชีวิต 1 ราย ระลอกสอง 28 ราย และระลอกสาม 3,258 รายเสียชีวิต 14 ราย โดยมีผู้ป่วยใหม่ในวันนี้ 60 ราย เป็นผู้ป่วยในเรือนจำ 28 ราย เข้ามาทำการรักษาจากนอกจังหวัด 4 ราย เป็นผู้ป่วยในพื้นที่ 28 ราย โดยที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากช่วงก่อนหน้าที่มีการระบาดอย่างรุนแรงนับร้อยรายต่อวันมาตลอด 3 วันแล้ว นับจากวันที่ 9 มิ.ย.64 ที่จำนวน 50 ราย เป็นผู้ป่วยจากภายในเรือนจำ 8 ราย มารักษาจากนอกจังหวัด 5 ราย และผู้ป่วยในพื้นที่ 37 ราย ส่วนในวันที่ 10 มิ.ย.64 มีผู้ป่วยใหม่ 67 ราย เป็นผู้ป่วยในเรือนจำ 34 ราย มาจากนอกจังหวัด 1 รายและป่วยในพื้นที่ 32 ราย