วันที่ 11 มิ.ย.64 นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง กรณีเพจ นักเรียนเลว เผยแพร่ข่าว ที่ปรึกษารัฐมนตรีฝากนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง โดยมีการระบุชื่อของตนเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นว่า ขอปฏิเสธว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ที่ถูกกล่าวอ้างชื่อของตน การที่กลุ่ม”นักเรียนเลว” ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองโจมตีรัฐบาลตลอดเวลาที่ผ่านมา ครั้งนี้ใช้การยกเมฆและสร้างข่าวเท็จในสื่อสังคมออนไลน์จนตนได้รับความเสียหาย โดยการใช้เอกสารเท็จในเรื่องการฝากเด็กนักเรียนเข้าโรงเรียนต่างๆหลายแห่งในพื้นที่กทม. ตนจึงประสานขอเอกสารดังกล่าวจากโรงเรียนต่างๆเพื่อใช้เป็นหลักฐาน พร้อมมอบอำนาจให้นายทวีโชค อ๊อกกังวาล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากตนให้ไปร้องทุกข์ กล่าวโทษการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประสงค์ร้ายที่ปั้นเรื่องและปลอมแปลงเอกสารในเรื่องการฝากเด็กนักเรียนเข้าโรงเรียนต่างๆหลายแห่ง ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่สน.บางซื่อ เพราะทำให้ตนได้รับความเสียหายทั้งส่วนตัวและพรรคที่ตนสังกัด เพราะไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องฝากเด็กดังกล่าว และขอให้ตำรวจสืบสวนผู้กระทำความผิดในเรื่องนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ หลังจากที่ตนทราบเรื่องว่ามีการปลอมแปลงเอกสารอ้างชื่อตน ฝากเด็กนักเรียนในโรงเรียนต่างๆนั้น ตนก็ได้ประสานเรื่องนี้ไปยังผู้บริหารสพม.กระทรวงศึกษาฯ โดยยืนยันว่า เป็นเอกสารปลอมและขอแจ้งให้ท่านผู้บริหารในกระทรวงศึกษาฯแจ้งไปยังสถานศึกษาทุกแห่งว่าเป็นเอกสารปลอม
สำหรับบันทึกแจ้งความที่นายทวีโชค ทนายความฯ ร้องทุกข์กล่าวโทษให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี มีใจความว่า
“เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2564 เวลากลางวัน นายสุทธิฯ ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากนายจิณณภัทร บูสวิทิตธำรง ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยว่า นายสุทธิฯ ได้มีหนังสือมาเพื่อฝากเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนหรือไม่ นายสุทธิ จึงได้ขอให้ส่งหนังสือดังกล่าวให้ดู
เมื่อเห็นและได้อ่านข้อความในหนังสือแล้ว ปรากฎว่า หนังสือดังกล่าว นายสุทธิ ไม่ได้เป็นผู้ทำและไม่เคยทำหนังสือในลักษณะเช่นนี้มาก่อนแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการทำหนังสื่อในลักษณะที่ทำให้นายสุทธิ ได้รับความเสียหาย และเกิดความขัดแย้งภายในพรรค ซึ่งเป็นการปลอมเอกสารโดยทำดวงตราพรรค รูปภาพ ลายเซ็น และรายละเอียดในหนังสือ
ผู้กระทำการดังกล่าวน่าจะเป็นผู้ไม่หวังดี และทราบภายหลังว่ามีการส่งหนังสือในลักษณะแบบนี้ไปยังหลายโรงเรียน ทำให้ได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ตามขั้นตอนของกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด”