นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการเราชนะว่า กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้มีการกำหนดแนวทางเพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของโครงการเราชนะ (โครงการฯ) อย่างเข้มงวด โดยได้มีการจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ (คณะทำงานฯ) ในการติดตามตรวจสอบผู้ประกอบการและประชาชนที่กระทำการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ อย่างใกล้ชิด ในกรณีที่พบการกระทำผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการฯ เช่น การรับแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด เป็นต้น จะดำเนินการระงับสิทธิชั่วคราวการเข้าร่วมโครงการฯ และร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันปรับปรุงระบบการปฏิบัติงานของแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ให้มีความรัดกุมและเหมาะสมมากขึ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและผู้ประกอบการที่สุจริต ตลอดจนควบคุมและลดโอกาสในการกระทำความผิดของผู้ประกอบการ ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้ทำการระงับสิทธิชั่วคราวการผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เนื่องจากตรวจพบธุรกรรมที่ผิดปกติจำนวน 2,751 ราย โดยได้มีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งจัดส่งเอกสารชี้แจงโต้แย้งมาภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งคณะทำงานฯ ได้วินิจฉัยเอกสารชี้แจงโต้แย้งแล้วและได้มีมติให้ยกเลิกการระงับสิทธิชั่วคราวผู้ประกอบการจำนวน 187 ราย โดยผู้ประกอบการจะสามารถเข้าร่วมโครงการเราชนะโดยการใช้แบนเนอร์ "เราชนะ" ในแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ได้อีกครั้ง สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ผ่านการวินิจฉัย สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะมีเอกสารแจ้งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า กระทรวงการคลังจะเข้มงวดในการติดตามตรวจสอบประชาชนและผู้ประกอบการที่กระทำการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของกระทรวงการคลังปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของแต่ละโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เสียสิทธิการเข้าร่วมโครงการหรือมาตรการอื่นของรัฐในอนาคตและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของ โครงการฯ ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2564 ดังนี้ 1. ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 100,025 ล้านบาท 2. ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 17.1 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 146,471 ล้านบาท และ 3.ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 20,116 ล้านบาท ทำให้มีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 266,612 ล้านบาท และมีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ ที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์แล้ว จำนวน 22.1 ล้านคน ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ