ชี้รัฐนาวาผ่านงบฯราบรื่น แต่ไม่ผ่านความไว้วางใจ หมอศิริราชคาดยอดตายน่าจะลดได้เลขตัวเดียว แต่ต้องไม่มีระบาดใหม่เกิดหรือสายพันธุ์อินเดียไม่มาซ้ำ ขณะเรื่องราดำที่อินเดีย ในไทยยังไม่มีข้อมูลรายงาน
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ “วันนี้ได้ไปร่วมเป็นสักขีพยานการระดมฉีดวัคซีนที่เกาะเสม็ด โดยมีทีมงานกระทรวงสาธารณสุขที่มีรมช.ลูกเมืองระยองนำขบวน เห็นว่าเป็นการฉีดวัคซีนครั้งแรกที่ทำกันในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) โดยเป็นความร่วมมือของภาคการแพทย์ที่ยกกันมาจากฝั่ง (รวมศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินที่มาช่วยดูแลการเคลื่อนย้ายหากมีเหตุจำเป็นทางการแพทย์) กับภาคความมั่นคงซึ่งรวมทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ เจ้าหน้าที่อุทยาน และอบต. และที่สำคัญคือภาคประชาชนทั้งคนทั่วไปและผู้ประกอบกิจการบนเกาะ
เท่าที่ทราบทุกอย่างเป็นไปโดยราบรื่น คงต้องคอยติดตามว่าจะมีผลแทรกซ้อนของวัคซีนในระยะยาวหรือไม่ ขอให้ชาวเสม็ดร่วมมือร่วมใจกันฉีดวัคซีนให้มากที่สุดรวมแรงงานต่างด้าวและคนต่างชาติด้วย เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่อย่างน้อย 70% ของคนบนเกาะ คงจะดีกว่าการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติด้วยการป่วยจากโควิด-19 กันระนาว
ตอนเช้าก่อนออกจากที่พัก ทะเลรอบเกาะเสม็ด (เกาะแก้วพิสดารของสุนทรภู่ที่บางคนเชื่อ แต่บางพวกก็เชื่อว่าอยู่ในทะเลอันดามัน) มีโอกาสเดินย่อยอาหารริมชายหาดที่คลื่นลมแรงเพราะมีพายุฝนเข้าตั้งแต่เมื่อวานก่อน ได้บันทึกภาพวิดีโอเรือน้อยที่ทอดสมอลอยลำภายใต้คลื่นใหญ่ถาโถมต่อเนื่อง เปรียบเสมือนรัฐนาวาของฝ่ายบริหารในปัจจุบัน ที่แม้จะผ่านงบประมาณในสภาอย่างราบรื่น และมีการจัดสรรงบประมาณปีหน้าพอสมควรในด้านสุขภาพของประชาชนและการรับมือโควิดต่อเนื่อง
แต่ในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดระลอกสามนี้ ฝ่ายบริหารดูจะไม่ผ่านความไว้วางใจของประชาชน และยังเป็นไปตามความเห็นที่แสดงไว้ในอดีตว่า การสูญเสียทางเศรษฐกิจหากปล่อยให้เกิดการระบาด จะมากกว่าการสูญเสียทางเศรษฐกิจหากควบคุมได้ดีไม่ให้เกิดการระบาด นี่ไม่นับการสูญเสียทางด้านจิตใจเพราะการพลัดพรากจากคนที่เรารักจากพิษโควิด และที่สำคัญคือการสูญเสียทางด้านจิตใจต่อความเชื่อมั่นในฝ่ายบริหารที่จะนำพาประเทศก้าวต่อไปข้างหน้า
ช่วงนี้ต้องคอยตอบคำถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารสถานการณ์โควิดอยู่เนืองๆ ว่า เมื่อไรตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตรายวันจะลดลงเป็นเลขหลักเดียวเสียที ได้ยืนยันไปว่าคงต้องรออีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ เพราะตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรงและผู้ป่วยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจค่อยๆ ลดลงมาเกือบสัปดาห์แล้ว โดยข้อแม้คือต้องไม่มีการระบาดระลอกสามครึ่งหรือระลอกสี่ หรือเชื้อสายพันธุ์อินเดียที่เริ่มแพร่หลายไม่แผลงฤทธิ์ความรุนแรงให้เห็น สำหรับท่านที่กลัวว่าจะเห็นคนไทยเสียชีวิตจากราดำเหมือนในแดนภารตะนั้น เท่าที่มีข้อมูลยังไม่มีการรายงานในบ้านเรา แม้จะมีกลุ่มเสี่ยงคือ เบาหวาน ได้ยากดภูมิ (สเตียรอยด์) นาน และใช้เครื่องช่วยหายใจนาน เหมือนกับที่มีรายงานทางการแพทย์จากประเทศอินเดีย
#มาช่วยกันเร่งเผด็จศึกโควิดระลอกสามด้วยการระดมฉีดวัคซีนและยกการ์ดสูงต่อเนื่อง”