เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 รพ.ขอนแก่น ที่ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติ หรือ ไคซ์ จ.ขอนแก่น ยังคงมีประชาชนทยอยกันมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามที่ จังหวัดและสำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น ได้กำหนดการฉีดวัคซีน แบบต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาพร้อมกันทั่วทั้งประเทศโดยมีประชาชนที่ได้รับการยืนยันสิทธิ์การฉีดวัคซีนในรอบวันนี้ทยอยกันมาฉีดวัคซีน กันอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ รพ.ขอนแก่น คอยกำกับควบคุมและดำเนินการตามขั้นตอนของการให้บริการวัคซีน ตามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ท่ามกลางมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ะราดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันยังคงมีผู้มีจิตศรัทธา ทยอยนำน้ำดื่ม, น้ำหวาน, ชานมไข่มุก ,อาหารทานง่ายและข้าวกล่อง รวมไปถึงผลไม้ตามฤดูกาล นำมามอบให้กับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานที่ปฎิบัติหน้าที่กันอย่างหนักในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งขอนแก่น ได้ดำเนินการให้บริการฉีดวัคซีนพร้อมกันกับจังหวัดต่างมาตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ 70% คือ 1,285,000 คน โดยขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 7.12 % หรือ 91,504 ราย โดยแยกเป็นการฉีดเข็มที่1 จำนวน 63,576 ราย และเข็มที่2 จำนวน 27,828 ราย และจากการตรวจสอบภาวะไม่พึงประสงค์ที่ฉีดมา2 วัน นั้นพบว่า 2.2% นั้น มีอาการ ความดันโลหิตสูง ปวดบวม ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ เหนื่อยอ่อนเพลีย โดยที่ยังไม่มีการตรวจพบว่ามีรายใด ที่ ท้องเสีย ใจสั่น ปากแห้ง คอแห้ง หัวใจเต้นเร็ว แต่อาการที่ไม่พึงประสงค์รุนแรงไม่พบแต่อย่างใด
" วัคซีนซีโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าทั้ง2 ตัวนี้ มีอาการข้างเคียงคล้ายๆกัน เราจะมีการสนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนได้ต่อเนื่องมีข่าวดีว่าวันที่ 10 มิ.ย.นี้นั้น จะมีการเติมวัคซีนซีโนแวคมาจากส่วนกลางจำนวน 700,000 โดส ซึ่งจะกระจายไปยังภาคส่วนต่างๆ ในส่วนการฉีดทั้ง27 จุดของขอนแก่น จัดที่การฉีดในอำเภอเมือง 2 จุดทั้งที่ ศูนย์ประชุมไคซ์ และ เซ็นทรัล มีปัญหาแตกต่างกันออกไป บางท่านมีความประสงค์จะฉีดแบบเลือกเอง ซึ่งก็ต้องอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ที่จะวินิจฉัยเท่านั้น"
นพ.สมชายโชติ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อแพทย์ได้วินิจฉัยและตรวจร่างกายแล้ว จะวินิจฉัยว่าผ้ป่วยแต่ละรายนั้นจะได้รับวัคซีนชนิดใด และรายใดเมื่อพบว่ายังไม่พร้อมที่จะรับการฉีดวัคซีน ก็จะต้อง เลื่อนนัดออกไปเพื่อให้ร่างกายพร้อมที่สุด ซึ่งแพทย์จะไม่ยัดเยียดยี่ห้อใดให้กับผู้ที่เข้ารับการฉีดเพราะในทางการแพทย์รับรองว่าวัคซีนทั้ง2 ตัว สามารถป้องกันโรคได้ทั้งคู่