เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยต่อการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการตัดกระบวนการหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ขั้นต้นของพรรคการเมือง (ไพรมารี่โหวต) ออกจากเนื้อหาว่า ตนต้องการให้ส.ว.ที่แสดงความเห็นดังกล่าว ลองสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและ ลงสมัครรับเลือกตั้ง จะทราบถึงการดำเนินการและข้อเท็จจริงของไพรมารี่โหวตว่ามีความยุ่งยากเกินความจำเป็นต่อพรรคการเมือง และส.ส. ทั้งนี้ตนมองว่า ส.ส. คือประชาชนที่ควรได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญที่ต้องไม่มีใดสร้างความยุ่งยากเกินกว่าเหตุ ก่อนหน้านี้ตนสนับสนุนต่อการเลือกตั้งขั้นต้น แต่เมื่อได้เข้าสู่ระบบพรรคการเมืองทำให้เห็นว่าสร้างความยุ่งยากเกินกว่าเหตุให้กับผู้ปฏิบัติ ทั้งนี้ยอมรับว่าผู้ที่ตั้งใจให้ไพรมารี่โหวตเป็นแนวทางปฏิรูปพรรคการเมืองให้เป็นสถาบัน แต่ในข้อเท็จจริงพบว่าสร้างความยุ่งยาก แต่การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ ที่ขอให้ใช้ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้ปิดกั้นหากพรรคการเมืองใดจะนำการเลือกตั้งขั้นต้นไปปฏิบัติ แต่ในกติกาต้องไม่ใช่การบังคับ เมื่อถามว่าหากยกเลิกระบบไพรมารี่โหวต อาจกระทบต่อการปฏิรูปพรรคการเมือง นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นความเห็นของเขา ซึ่งอาจเห็นไม่เหมือนกับตน และตนมองว่าการปฏิรูปเรื่องต่างๆ ต้องไม่ใช่การสร้างภาระเกินกว่าจำเป็นและหากกำหนดกฎหมายที่สร้างความยุ่งยาก อาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมได้ และตนมองว่าประเด็นใดที่ทำให้เกิดภาระเกินเหตุ ต้องปรับปรุง เมื่อถามว่ากรณีที่ส.ว.ไม่เห็นด้วยจะกระทบต่อการลงมติวาระแรก หรือไม่ เพราะต้องใช้เสียงส.ว.ร่วมด้วย นายไพบูลย์ กล่าวว่า เชื่อว่าส.ว.ที่แสดงความเห็น เป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่การพิจารณาเนื้อหาสามารถปรับแก้ไขในวาระสองได้ โดยการพิจารณาร่างแก้ไขนั้นต้องรับฟังความเห็นของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด โดย ส.ว. ต้องรับฟังความเห็นของส.ส. ฐานะที่เป็นฝ่ายปฏิบัติด้วย หากส.ส. สนับสนุนต้องยอมรับ เพราะการกำหนดกติกาใดนั้น ต้องพิจารณาถึงฝ่ายปฏิบัติรวมถึงให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่นำความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นหลัก แต่สร้างภาระเกินกว่าเหตุ