นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า จากที่เมื่อวันที่ 9-19 เม.ย. 2564หรือช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ที่ผ่านมา ทล. ได้เปิดให้บริการวิ่งฟรีชั่วคราวบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 (M6) สายบางปะอิน-นครราชสีมา ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว (ตอนที่ 24-27) ระยะทาง 35.75 กิโลเมตร (กม.) โดยมีผู้ใช้บริการในช่งงเวลาดังกล่าว รวมทั้งสิ้น 206,105 คัน สามารถช่วยแบ่งเบาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ได้ประมาณ 20-30% นั้น ทล.มีแผนจะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการมอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 เพิ่มอีก 3 ตอน คือ ตั้งแต่ตอนที่ 38-40 ช่วงบริเวณด่านสีคิ้ว-ด่านขามทะเลสอ ระยะทางรวมประมาณ 40 กม. โดยเมื่อรวมกับตอนที่ 24-37 ระยะทางประมาณ 35.75 กม. ที่ ทล. ได้เคยเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการ จะทำให้ประชาชนสามารถเดินทางบนมอเตอร์เวย์ได้ตั้งแต่ อ.ปากช่อง ถึงถนนเลี่ยงเมืองโคราช ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดโครงการ รวมระยะทางประมาณ 75 กม. โดยไม่เสียค่าผ่านทาง โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 มอบให้กับประชาชน ซึ่งจะเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อไป "การเปิดให้บริการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับที่ดี มีปริมาณรถเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และสามารถช่วยบรรเทาการจราจรบนถนนมิตรภาพ ช่วงลำตะคอง-สีคิ้วได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมีแผนจะเปิดให้บริการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา เพิ่มมากขึ้น โดยหลังจากประชาชนทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19 มากขึ้น รวมถึงจะเริ่มผ่อนคลายการเดินทาง และประชาชนหันมาเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น" สำหรับความคืบหน้าการการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงิน 8.46 หมื่นล้านนั้น นายสราวุธ กล่าวว่า ในปัจจุบัน มีความคืบหน้าประมาณ 93% โดยยอมรับว่า การก่อสร้างจะล่าช้าออกไปประมาณ 6 เดือน เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการปรับแบบโครงการฯ จำนวน 17 ตอน มีความล่าช้า ส่งผลให้การเสนอขออนุมัติวงเงินปรับแบบที่เพิ่มขึ้นจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าช้าตามไปด้วย ซึ่งเดิมจะเสนอ ครม. ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2564 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ คาดว่าจะเสนอให้ ครม. พิจารณาภายใน มิ.ย.นี้ ส่วนวงเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น อยู่ระหว่างการหารือกับกรมบัญชีกลาง ทั้งนี้ ยืนยันว่า วงเงินที่เพิ่มขึ้น น้อยกว่า 6,800 ล้านบาท และยังอยู่ในกรอบวงเงินก่อสร้างที่ ครม.เคยอนุมัติไว้อย่างแน่นอน