"ชวน"เปิดทางอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน เพิ่ม 10 มิ.ย. ชี้"ประยุทธ์"จะมาแจงหรือไม่ เป็นเรื่องของรัฐบาล เผยคุย"พรเพชร"จ่อเคาะวันประชุมร่วมรัฐสภา ระบุส่งเรื่องสมาชิกสภาตบทรัพย์งบปี 64 ให้"ป.ป.ช."แล้ว "บิ๊กตู่" เปิดไทม์ไลน์เวลาทำงานรัฐบาล สั่ง"ครม."เร่งเดินกิจกรรม ลั่นจากนี้งานต้องมีผลสำเร็จ ย้ำฝ่ายการเมือง-ขรก.ทิ้งกันไม่ได้ เมื่อเวลา 11.30 น. ของวันที่ 8 มิ.ย.64 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติมวงเงินไม่เกิน 5 แสนล้าน ว่า ได้เวลาในการวางกรอบภิปรายไว้ให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน และรัฐบาล ฝั่งละ 9 ชั่วโมง แต่หากมีการประชุมไม่แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 มิ.ย. ก็สามารถประชุมต่อได้ในวันที่ 10 มิ.ย.ได้ ในเวลา 10.30 น. ก่อนที่จะมีการลงมติต่อไป เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนรตรี จำเป็นต้องมาชี้แจงด้วยตนเองหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าจะมอบหมายให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงแทน นายชวน กล่าวว่า ก็แล้วแต่เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งตนได้หารือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้วว่าเบื้องต้นกำหนดวันประชุมไว้คือวันที่ 22 มิ.ย.และวันที่ 29 มิ.ย. ซึ่งต้องหารือกับฝ่ายรัฐบาลและผู้ควบคุมทั้งสองฝ่ายด้วยว่าวันที่เหมาะสมคือวันใดเนื่องจากมีเรื่องที่ค้างอยู่และมีเรื่องใหม่ที่เข้ามาด้วย ซึ่งต้องมีการหารือเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นการประชุมที่มีคนจำนวนมาก เมื่อถามว่า การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณเมื่อปี 64 มีปัญหาว่ามีสมาชิกสภาไปตบทรัพย์จนทำให้ข้าราชการออกมาร้องเรียน นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้ทางสภาได้ส่งไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการแล้ว ส่วนการพิจารณารอบนี้ ทุกคนก็ต้องช่วยกันจับตาดู ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ปัจจุบันสถานการณ์เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ได้มีการอนุมัติไปแล้ว 984,000 ล้านบาท จนถึงวันนี้เบิกจ่ายไปแล้ว 73 เปอร์เซ็นต์ ยังคงเหลือเงินกู้อีกประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งต้องมีเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อสำรองในการลดค่าน้ำค่าไฟให้กับประชาชนต่อไป ทั้งนี้หลายเรื่องที่ได้มีการหารือในที่ประชุมครม. ซึ่งตนมีความเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ว่าทำอย่างไรจะให้หลุดพ้นจากความยากจนได้โดยเร็วที่สุด โดยตนได้สั่งการและมอบนโยบายไปแล้วว่าจำเป็นต้องเร่งรัดหลายกิจกรรมในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ยังเหลืออยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน และเตรียมพร้อมที่จะทำอะไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ส่งต่อให้กับรัฐบาลวันข้างหน้าต่อไป ทั้งนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามแผนงาน 1 ปี และแผนงานระยะปานกลาง 3 ปี ยุทธศาสตร์ 5 ปี นั่นคือความต่อเนื่องและสอดคล้อง สุดแล้วแต่รัฐบาลใดจะเข้ามารับผิดชอบกันต่อไป ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่ต่อเนื่อง แล้วจะทำไม่ได้ "ผมไม่ได้ขัดข้องเรื่องแผนงานโครงการที่เสนอขึ้นมา แต่เราจำเป็นต้องมีการตรวจสอบคัดกรอง โดยคณะอนุกรรมการ คณะกรรมการหลายระดับด้วยกัน จากภาครัฐและภาคเอกชน มีส่วนร่วมในการพิจารณาแผนงานโครงการทั้งสิ้น ซึ่งไม่ได้ต้องการให้ไปเกิดประโยชน์อะไรกับใครทั้งสิ้น ประโยชน์ต้องตกอยู่กับพี่น้องคนไทยทุกคนในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด ให้เกิดความทั่งถึงและเป็นธรรม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือคือการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งพ.ร.บ.การศึกษาได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาแล้วในขณะนี้ ซึ่งมีการแก้ไขบางอย่าง ปัญหาการศึกษาของไทยไม่ใช่ล้มเหลวไปทั้งหมด หลายอย่างจำเป็นต้องปรับให้ทันยุคสมัยตามสถานการณ์โลกและสถานการณ์ปัจจุบัน และภายใต้บริบทของประเทศไทย ของคนไทย ซึ่งแต่ละประเทศมีความแตกต่าง ดังนั้นต้องหาวิธีการที่เหมาะสมและถูกต้อง ทั้งในส่วนบุคคลากร หลักสูตร และองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และบรรดาส.ส.ก็ต้องขอความร่วมมือด้วยในการพิจารณาพ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อที่จะดำเนินการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบให้ได้โดยเร็ว "รัฐบาลยืนยันงบประมาณที่มีอยู่จะใช้อย่างคุ้มค่า รัฐบาลเอง นายกรัฐมนตรีก็ได้มีการย้ำในที่ประชุมครม.เสมอมาให้ระมัดระวังการทุจริต ระมัดระวังความไม่โปร่งใสไม่เป็นธรรมอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งมีคำพูดคำกล่าวมามากมายในขณะนี้ ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลหรือครม.มีหน้าที่ในการอนุมัติหลักการและการดำเนินการ อนุมัติการใช้จ่ายเงิน แต่ในขั้นตอนการดำเนินการเป็นเรื่องของหน่วยงาน คณะกรรมการต่างๆจะต้องรับผิดชอบ ผมเองรับผิดชอบในฐานะเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ผมรับผิดชอบตามลำดับชั้นของผม อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้กับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ละเว้นใครแม้แต่คนเดียว จะทำให้มากที่สุด และทุกจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะคนรักคนชอบ มันไม่ใช่ ผมไม่ได้ทำงานแบบนั้น จะเห็นได้ว่าหลายอย่างมีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ ผมก็ไปโกรธเคืองกับใครไม่ได้ ขอให้ระมัดระวังความขัดแย้งที่มันจะเกิดขึ้น ทำให้บ้านเมืองไม่มีเสถียรภาพ และทำให้การทำงานต่างๆมันเป็นไปไม่ได้ แผนงานโครงการต่างๆเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ขอให้รับฟังคำชี้แจงอันเป็นประโยชน์เป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณางบประมาณต่างๆในชั้นกรรมาธิการ และยืนยันว่าหากมีงบประมาณอะไรที่มีการแปรญัตติมาแล้ว ผมจะนำมาดำเนินการบริหารเพิ่มให้มากขึ้นในส่วนที่ลดน้อยลงตามความจำเป็น อันนี้เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารที่จะต้องรับผิดชอบต่อไปในอนาคตด้วย ขอความร่วมมือกับทุกท่านแค่นั้น" นายกฯ กล่าวอีกว่า ขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการทุกคนที่ทำงานอย่างหนักในการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิดหลายเดือนมาแล้ว เป็นปีมาแล้ว บางคณะทำงานทุกวัน 24 ชั่วโมง มีการประชุมทุกวันไม่มีวันหยุด หลายคนเจ็บป่วยเป็นไข้บ้าง ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ บุคคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม.แม้กระทั่งหน่วยงานท้องถิ่นจังหวัดทุกคน นั่นคือพลังของคนไทยที่เราจะต้องชนะไปด้วยกันในเรื่องของโควิด และสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้ แต่ยินดีที่ภาคเศรษฐกิจในภาพรวม มหภาค ยังดีอยู่ในส่วนของการส่งออกที่ปริมาณการส่งออกมากขึ้น ในปัจจุบันสถานการณ์หลายประเทศเริ่มฟื้นฟูเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสุขภาพด้วย ซึ่งหน่วยงานต่างประเทศประเมินว่าในปี 65 หลายอย่างน่าจะดีขึ้นในทุกภูมิภาคของเรา ดังนั้นเราจะต้องเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจของเราเดินหน้าได้ วันนี้ต้องหวังพึ่งเศรษฐกิจรอบบ้าน ซึ่งมีสถิติสูงขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์ หรือ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ 5 แสนกว่าล้านบาทในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเราตั้งเป้าไว้ประมาณ 1 แสนล้านบาท จากเศรษฐกิจชายแดน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบประเทศเราด้วย ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์ในทุกมิติ นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้มีการประชุมร่วมกันหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเศรษกิจใหญ่ๆ ทั้งจี 7 จี 10 และอีกหลายเวทีโลก ซึ่งได้มีการประชุมหารือในเรื่องเศรษฐกิจในอนาคต เราก็ต้องเตรียมการให้พร้อมรับมือกับพันธสัญญาในเรื่องต่างๆที่มีอยู่ เพราะเราอยู่ในห่วงโซ่ของเขาหมด ทั้งเรื่องของการค้า การลงทุน ซึ่งมีกติกามากมายออกมา เราต้องเตรียมความพร้อม ทุกคนต้องเข้มแข็ง อดทน และเพิ่มขีดความสามารถของตัวเองให้สอดคล้องกับมาตรการต่างๆที่รัฐบาลได้ออกมาในช่วงเวลานี้ ซึ่งก็มีมาตรการออกมาเป็นจำนวนมากที่บางทีก็ดูว่า ไม่สำเร็จซักเรื่อง แต่อย่าลืมว่า เรามีคนจำนวนมากที่เดือดร้อนในหลายอาชีพ เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของเรา ซึ่งก็ได้ย้ำว่าใน 1 ปีนี้ จะต้องมีผลสำเร็จที่จับต้องเป็นรูปธรรมได้ว่าเรามีการแก้ไขปัญหาอะไรไปแล้วบ้าง และอีก 1 ปี ข้างหน้าจะทำอะไร เตรียมแผนเอาไว้ ทั้งนี้ แผนงานทั้งหมดไม่ใช่นายกฯเป็นคนกำหนดทั้งหมด แต่เป็นแผนงานที่เสนอมาจากข้างล่าง จำนวนหลายหมื่นโครงการ ผ่านอนุกรรมการ ผ่านคณะกรรมการ จนมาถึงระดับนโยบายบริหาร ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ เราทิ้งกันไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามระเบียบราชการทุกกรณี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอยู่ในขณะนี้คือ การแก้ปัญหาเรื่องของโรงแรม สถานประกอบการต่างๆ รัฐบาลกำลังจะหาวิธีที่จะแก้ปัญหาในกรณีที่มีปัญหาเรื่องการจดทะเบียนต่างๆ ต้องใช้เวลาในการแก้ไขอีกนิดนึงเพื่อจะได้เตรียมการรองรับการท่องเที่ยวในปีหน้าว่าจะทำอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นปัญหากดทับมานานแล้ว อย่างเช่นเรื่องของหนี้กยศ. หนี้ครู ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทั้งสิ้น ก็ต้องขอเวลาเพราะมีคนจำนวนมาก มีหนี้จำนวนมาก จะบริหารจัดการกันได้อย่างไรเพราะเราก็มีงบประมาณจำกัด ทำอย่างไรเราจะแก้ปัญหานี้ได้ให้มากที่สุด และทำอย่างไรจะไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาภายหลัง นี่คือสิ่งที่เราต้องทำงานให้รอบคอบ "ในฐานะนายกรัฐมนตรี อยู่กับท่านมาหลายปีมาแล้ว ทุกคนก็คงทราบดีว่ามีความตั้งใจอย่างไร เจตนาของผมเป็นอย่างไร ขอเพียงให้ทุกคนเข้าใจ ผมไม่เคยบังคับอะไรท่านได้ เพราะเป็นเรื่องของประชาชนที่ต้องการ ผมก็ฟังทุกคนทุกภาคส่วน" นายกฯ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้คุยกับสมาคมชาวนาว่าจะพัฒนากันอย่างไร ตนก็รับฟังความคิดเห็นมา และนำสู่การขับเคลื่อนโดยกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ดูว่าจะทำอย่างไรให้ชาวนามีรายได้ที่สูงขึ้น ตนก็รับฟังข้อมูลมาจากหลายๆทาง ทั้งคนที่ทำนาเอง หรือ การจ้างแรงงาน เพราะฉะนั้นปัญหาของชาวนาคือเรื่องของการลดต้นทุน บริหารโดยวิสาหกิจชุมชนแบบครบวงจร ทั้งเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ปุ๋ยถือเป็นต้นทุนทั้งสิ้น บางคนไม่มีที่ของตัวเองก็ต้องไปเสียค่าเช่า เพราะฉะนั้นต้นทุนจะสูงแต่ขายข้าวมาได้จำนวนจำกัด และนอกจากนี้เมื่อไปถึงโรงสีก็มีการตรวจในเรื่องของความชื้นอีก ซึ่งถ้าเราช่วยคนส่วนใหญ่ของประเทศเหล่านี้ได้ก็จะทำให้ หลุดพ้นจากการติดกับดักตัวเอง ซึ่งตนและครม.ของตนจะดำเนินการเรื่องเหล่านี้ให้ดีที่สุด ปัญหาอะไรที่ทับซ้อนยาวนาน บางอย่างมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมาย กฎกระทรวง ก็พยายามแก้ไขให้ได้ทุกอย่าง ขอเพียงความเข้าใจ ความร่วมมือ ตนขอเพียงเท่านี้ และขอขอบคุณกำลังใจที่ทุกท่านส่งมาให้ตนเองและข้าราชการทุกคน โดยเฉพาะให้กับกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา ก็ยืนยันจะดูแลแก้ปัญหาให้ดีที่สุด