ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ KKP Start Saving* ขึ้นเป็น 2% ต่อปี** สำหรับลูกค้าที่มียอดเงินฝากสะสมในบัญชีไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อเป็นทางเลือกผลตอบแทนสูงให้กับผู้ที่ต้องการออมเงิน พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มจุดบริการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยการเสียบบัตรประชาชน (Dip Chip) ณ ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทุกสาขาในเขตกรุงเทพฯ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเงินฝาก KKP Start Saving บนแอปทรูมันนี่ วอลเล็ท และเข้าถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายและสุขอนามัยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การฝากเงินกับธนาคารเป็นการลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนอย่างในปัจจุบัน ธนาคารเกียรตินาคินภัทรจึงได้จับมือกับทรูมันนี่ ประกาศเพิ่มดอกเบี้ยบัญชีเงินฝาก KKP Start Saving ผ่านแอปฯ ทรูมันนี่ วอลเล็ท เป็น 2% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป สำหรับลูกค้าที่มียอดเงินฝากสะสมไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อจูงใจให้มีการออมเงิน อีกทั้งสนับสนุนการใช้แอปอีวอลเล็ททดแทนเงินสด ในการเติมเงินหรือสแกนจ่ายเงินโดยตรงกับร้านค้าชั้นนำ อาทิ ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, โลตัส, แมคโคร, เชสเตอร์, ทรูคอฟฟี่ และร้านค้าอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดจากการสัมผัส และเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์มากมายซึ่งมีการนำเสนอผ่านแอปอย่างต่อเนื่อง นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ภายหลังการร่วมมือกับธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ “KKP Start Saving” ผ่านแอปพลิเคชั่นทรูมันนี่ วอลเล็ท มากว่า 7 เดือน ก็มีผู้ใช้สนใจเปิดบัญชีเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยยอดเงินออมโดยรวมเพิ่มขึ้นจากปลายปีที่แล้วเกือบเท่าตัวมาอยู่ที่มากกว่าพันล้านบาท นอกจากนั้นเรายังพบว่าผู้ใช้ที่เปิดบัญชีออมทรัพย์ KKP Start Saving มากกว่า 70% มีการเติมเงินและใช้จ่ายในแอปฯ ทรูมันนี่ วอลเล็ท อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่านวัตกรรมทางการเงินที่เราคิดค้นและมอบให้นั้นสนับสนุนการผลักดันสังคมไร้เงินสด อีกทั้งเติมเต็มความต้องการในการใช้จ่ายและการทำธุรกรรมทางการเงินของผู้ใช้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านจากผู้ให้บริการอีวอลเล็ทมาเป็นผู้ให้บริการทางด้านการเงินดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้จ่ายและเก็บออมในชีวิตประจำวัน