เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.นายภาควัต ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลจะออกพระราชกำหนดกู้เงิน 500,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทั้งๆที่ในปีที่ผ่านมา รัฐบาลเคยมาขอกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทเพื่อนำไปช่วยเหลือ ผู้ประกอบการเช่นกัน สุดท้ายล้มเหลวและเลือกปฏิบัติ มีผู้ประกอบการหลายรายเข้าไม่ถึงเงินกู้เพราะธนาคารจะปล่อยกู้ให้กับลูกค้าของธนาคารเท่านั้น ผู้ประกอบการรายใด ที่ไม่เคยเป็นลูกค้าของธนาคารจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูก ไม่แก้ที่ต้นเหตุ รัฐบาลมาแก้ที่ปลายเหตุ ดังนั้นการช่วยเหลือจึงไม่ถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบ ถึงกู้มาเป็นล้านๆก็แก้ไม่ได้ เพราะรัฐบาลขาดซึ่งความรู้ ความเข้าใจ ปัญหาของประเทศ นอกจากนี้การบริหารจัดการวัคซีน ล้มเหลว รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเรื่องวัคซีนที่มากพอ บังคับให้ประชาชนฉีดเพียงไม่กี่ยี่ห้อ น่าประหลาดใจว่า ทำไมรัฐบาลไม่เอาเงินที่มาแจกไปซื้อวัคซีนมาฉีดให้ประชาชน เพราะความต้องการวัคซีนมีเป็นจำนวนมาก ทุกคนต้องการความมั่นคงในชีวิต ทุกวันนี้มีคนติดเชื้อเกือบวันละ 3,000 คน ตายมากกว่า 30 คน ต่อวัน แต่รัฐบาลกลับไม่สนใจ มองเป็นเรื่องธรรมดา นิ่งเฉยต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น
นายภาควัต กล่าวด้วยว่า เงินกู้ 500,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลเตรียมกู้ อ้างว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ อย่าให้ผู้ประกอบการรายใหญ่หาประโยชน์จากเงินกู้ก้อนนี้ แล้วรัฐทอดทิ้งรายย่อย ที่กำลังจะหมดแรงในการ
กอบกู้ธุรกิจ ทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว ขายข้าวแกง ขายผัก ขายปลา จะเข้าถึงเงินกู้ได้หรือไม่ คนส่วนใหญ่ของประเทศ ฐานรากเขาไม่มีความมั่นคงในชีวิตแล้ว เขาอยากได้วัคซีน ขายแพงไม่เป็นไร แต่ไม่ควรที่จะให้ประชาชนต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพราะรัฐบาลต้องทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ ย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ควรนำวัคซีนมาหาประโยชน์ทางการเมือง ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศมาหาประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง