เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานโซน 3 กทม.พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ภาครัฐและกรุงเทพมหานคร เร่งตรวจเชื้อโควิด-19 ในแรงงานต่างด้าวโดยไม่แบ่งแยกว่าเข้าประเทศโดยถูกกฎหมายหรือไม่ แต่ถ้าอยู่ในกลุ่มคลัสเตอร์เดียวกันควรดำเนินการตรวจเชื้อไปคราวเดียวกันให้เสร็จสิ้น ทั้งนี้เนื่องจากว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการระบาดในคลัสเตอร์วงเวียนใหญ่ มีตลาดสดขนาดใหญ่รวมกัน 3 แห่ง และมีแรงงานต่างด้าวมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง และแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน เพราะนายจ้างยังไม่พาไปขึ้นทะเบียนเข้าสู่ระบบแรงงานต่างด้าว จากการสังเกตการณ์ของทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. พบว่า ภาครัฐจัดการตรวจเชื้อกลุ่มแรงงานต่างด้าวไม่พร้อมกัน กล่าวคือ แยกกลุ่มที่มีใบอนุญาตทำงานถูกกฎหมายตรวจหาเชื้อและเข้าสู่ระบบการรักษาก่อนรอบหนึ่ง ส่วนกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ยังไม่ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบแรงงานต่างด้าว แยกไปตรวจอีกรอบหนึ่งในอีกหลายวันถัดไป เป็นเพราะหน่วยงานภาครัฐต้องไปเคลียร์สิทธิการเบิกจ่ายงบประมาณ สปสช. ซึ่งในระหว่างที่รอตรวจเชื้อนี้ แรงงานต่างด้าวกลุ่มที่ยังไม่เข้าระบบต่างหวาดกลัว บ้างก็ไม่เข้ามาตรวจเชื้อตามนัดหมาย บ้างก็หลบอยู่ในที่พัก ไม่กล้าออกมาตรวจเชื้อเพราะกลัวโดนจับ จึงทำให้การตรวจเชื้อเป็นไปอย่างล่าช้ารวมถึงเป็นการสุ่มเสี่ยงที่แรงงานต่างด้าวจะเคลื่อนย้ายหนีออกไปจากพื้นที่ และไปแพร่เชื้อระบาดในจุดอื่นเพิ่ม จึงอยากเรียกร้องภาครัฐว่า ในเมื่อรัฐบาลมีตั้งงบประมาณ และ สปสช. เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการเบิกจ่ายแล้ว ก็ควรดูแลแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ให้ได้รับการตรวจหาเชื้อ และเข้าสู่กระบวนการรักษาตามขั้นตอนโดยไม่ต้องแบ่งแยกว่าแรงงานกลุ่มไหนถูกกกหมายหรือไม่ถูกกฎหมาย เพราะเวลานี้สถานการณ์โควิดระบาดหนัก ต้องควบคุมโรคให้ได้ จึงไม่ใช้ประเด็นเรื่องงบประมาณมาเป็นอุปสรรคในการตรวจหาเชื้อและรักษาผู้ป่วย
“ผู้ป่วยไม่ว่าจะสัญชาติใด จะเข้าเมืองถูกกฏหมายหรือไม่ แต่เมื่อเขาทำงานอยู่บ้านเรา เขาก็เป็นมนุษย์ เมื่อเขาป่วยเราก็ต้องรักษา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด การตรวจหาเชื้อในแรงงานต่างด้าวเร็วเท่าไร เท่ากับระงับการระบาดได้เร็วเท่านั้น” นายวิชาญ กล่าว