ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ... ถ้าไม่มีสถาบัน ประเทศไทยจะเป็นไปอย่างไร ประเทศไทยในขณะนี้ มีความเห็นกลุ่มกษัตริย์นิยม (Royalist) และกลุ่มปฏิกษัตริย์นิยม (Anti-royalist) หรือแบ่งออกเป็นสองขั้วทางการเมืองอย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นหรือการดำรงอยู่ของสถาบัน ฝ่ายที่ต้องการล้มสถาบัน ไม่ได้บอกอะไรมากนอกจากชูค้อนเคียว และต้องการสาธารณรัฐ ผมเลยขอลองฉายภาพตามความรู้เท่าที่มี ว่าถ้าหากประเทศไทยไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ดังนี้ ข้อแรก นักการเมืองและข้าราชการประจำจะกร่างมาก สถาบันเป็นด่านสุดท้ายที่ไม่ทรงยอมโปรดเกล้านักการเมืองเลวหรือลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าข้าราชการเลวๆ แม้จะไม่ได้ทรงใช้พระราชอำนาจพิเศษ เหล่านี้มากนัก แต่ก็เป็นด่านที่นักการเมืองและข้าราชการเลวๆ เกรงกลัว ข้อสอง นักการเมืองและข้าราชการประจำจะประพฤติตัวเลว โกงกิน ทุจริต คอรัปชั่นหนักขึ้นมาก ด่านสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรมหรือการร้องทุกข์ของราษฎรคือการถวายฎีกา แต่หลายกรณีก็ได้รับพระมหากรุณาปัดเป่าทรงช่วยเหลือ ข้าราชการที่ดีและนักการเมืองดีก็มีกำลังใจในการทำงาน อย่างน้อยก็รู้ว่าฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ และทุกสิ่งอย่างยังอยู่ในพระเนตรพระกรรณ ข้อสาม นักการเมืองจะตีกันหนักมากจนไม่มีใครฟังใคร ประชาชนจะถูกยุยงปลุกปั่นให้ออกมาทะเลาะกันรุนแรงเพื่อผลประโยชน์แต่ละฝ่าย โดยไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครฟังใคร บ้านเมืองจะวุ่นวายมาก เพราะขาดผู้ที่มีบารมีพอที่ทุกคนเต็มใจฟัง และยอมให้ ดีไม่ดีจะตีกันตายจนเกิดสงครามกลางเมือง ข้อสี่ ประชาชนจะเคว้งขว้าง ขาดศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจ ความคิดในการเสียสละทำเพื่อบ้านเมืองจะลดลงมาก มีความเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้น คนที่คิดทำเพื่อผู้อื่นจะอยู่ยาก ไม่มี role model และไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่อใคร ไร้เป้าหมายที่จะปกป้อง ข้อห้า ประเทศไทยจะแตกออกเป็นประเทศหลายประเทศ ไทยเหนือ ไทยใต้ ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย แผ่นดินไทยจะร้อนระอุไม่ได้แตกต่างจากหลายๆ ประเทศที่สิ้นชาติ หรือแบ่งออกเป็นหลายๆ ประเทศ นี่คือความจำเป็นของการดำรงอยู่ของสถาบันในประเทศไทย ในทัศนะของผม